ตลาดกล้องคึกคักรับไฮซีซั่น “แคนนอน-นิคอน” ถล่มโปรสู้

กล้องดิจิทัล

วงการกล้องดิจิทัลประสานเสียงยืนยันตลาดโค้งท้ายปี’66 คึกคักแน่นอน เผยปัจจัยบวกหนุนอื้อ ทั้งซัพพลายที่เพียงพอ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว งานอีเวนต์เพียบ แบรนด์ดังทยอยส่งรุ่นใหม่ลงตลาด กระหน่ำโปรโมชั่นเพียบ ร้านค้าเริ่มสต๊อกสินค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคมรอหน้าขาย

ช่วงโค้งท้ายปลายปีนี้ตลาดกล้องดิจิทัลส่งสัญญาณกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อค่ายกล้องและเชนร้านกล้องต่างยืนยันว่าปัจจัยต่าง ๆ ทั้งซัพพลายที่เพียงพอ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว-งานอีเวนต์ รวมถึงกระแสฮิตโดรน-แอ็กชั่นคาเมร่าที่มาทดแทนช่องว่างของกล้องคอมแพ็กต์ พร้อมการระดมสินค้าใหม่และโปรโมชั่น ดันตลาด 2,800 ล้านบาทมีลุ้นกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในปี 2567

ปัจจัยบวกหนุนตลาดคึกคัก

นายวีระ เฉลียวปิยะสกุล รองประธาน บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ถ่ายภาพแบรนด์นิคอน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2566 นี้ตลาดกล้องจะคึกคักที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากมีปัจจัยบวกทั้งสินค้าใหม่จากแบรนด์ต่าง ๆ และความพร้อมด้านซัพพลาย ทำให้แต่ละแบรนด์สามารถเดินหน้าจัดแคมเปญโปรโมชั่นมาจูงใจผู้บริโภคได้เต็มที่

นอกจากนี้ ปีนี้งานโฟโต้แฟร์ที่เป็นงานใหญ่ของวงการยังเปลี่ยนจากบางนามาจัดที่สยามพารากอน น่าจะทำให้จำนวนผู้เดินชมงานเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้สิ้นปี 2566 นี้ตลาดมูลค่า 2,800 ล้านบาท อาจหดตัวเพียงระดับเลขหลักเดียว และเป็นปีสุดท้ายที่จะหดตัว ก่อนจะพลิกกลับมาเติบโตได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในปี 2567 ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ สะท้อนจากตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ตลาดมีอัตราเติบโตสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2565 แล้ว และช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นยังมีกล้องและเลนส์รุ่นใหม่จากแบรนด์ต่าง ๆ ปริมาณซัพพลายที่ใกล้กลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่ฐานลูกค้าทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นพร้อมจับจ่าย เพื่ออัพเกรดอุปกรณ์สำหรับทำงาน หรือใช้ช่วงท่องเที่ยว เห็นได้จากยอดขายกล้องนิคอนรุ่น Z8 ราคา 1.499 แสนบาทที่ทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนเลนส์รุ่นใหม่มียอดสั่งซื้อเพิ่มหรือแบ็กออร์เดอร์สูงมาก

“ปีนี้ร้านกล้องเริ่มสั่งสินค้าเข้าสต๊อกกันคึกคักตั้งแต่เดือนสิงหาคมแล้ว สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในดีมานด์ช่วงท้ายปี ขณะที่ทั้งบริษัทเองซัพพลายพร้อมส่งให้และมีต้นทุนสินค้าที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน ๆ ด้วย ทำให้ปลายปีนี้พร้อมทำตลาดเต็มที่ โดยการแข่งขันในช่วงโค้งท้ายนี้คาดว่าจะเซ็กเมนต์กล้อง APS-C หรือกล้องที่เซ็นเซอร์เล็กกว่าฟิล์ม 35 มม. รวมถึงเลนส์ระยะ 50 มม. 85 มม. และ 105 มม. จะแข่งขันด้วยโปรโมชั่นราคาและการผ่อน 0% กันดุเดือด เนื่องจากแต่ละแบรนด์พยายามชิงกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการอัพเกรดขึ้นมาจากการใช้มือถือ”

นายวีระกล่าวว่า สำหรับนิคอนช่วงโค้งท้ายนี้จะมีสินค้าไฮไลต์เป็นกล้องรุ่นใหม่ Z f กล้องฟูลเฟรมสไตล์คลาสสิกเรโทร และมีฟังก์ชั่นครบครันทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ โดยช่วงเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนได้รับผลตอบรับดีจากผู้สนใจการถ่ายภาพ จึงจะต่อยอดกระแสนี้ด้วยการระดมจัดกิจกรรมทัชแอนด์ทรายเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ขณะที่กล้องรุ่นปัจจุบันจะเน้นทำตลาดรุ่นที่ผู้ใช้มีแนวโน้มจะซื้อเลนส์เพิ่มสูงอย่างรุ่น Z30 Z6 Z6II Z8 และ Z9 ด้วยการเพิ่มโปรโมชั่นให้เยอะและหลากหลายรูปแบบมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ เช่นเดียวกับการสำรองสินค้าเพิ่มประมาณ 2 เท่า

“ด้วยแนวโน้มตลาดและยุทธศาสตร์นี้มั่นใจว่าปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2567 รายได้จะเติบโต 15% หลังปัจจุบัน ณ เดือนสิงหาคมรายได้เติบโตประมาณ 10% แล้ว”

“แคนนอน” ชิงตลาดเริ่มต้น

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์อิเมจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ช่วงโค้งท้ายซึ่งตลาดมีแนวโน้มคึกคักนี้ แคนนอนจะไม่มีการเปิดตัวกล้องระดับเรือธงรุ่นใหม่ แต่จะโฟกัสสร้างฐานผู้บริโภครุ่นใหม่ ด้วยการมุ่งจับกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้ด้วยการโปรโมตกล้องรุ่น EOS R50 และ EOS RP ที่เป็นกล้อง APS-C และฟูลเฟรมระดับเริ่มต้นราคาประมาณ 2.5-3.4 หมื่นบาท เน้นจุดเด่นใช้งานง่ายและราคาจับต้องได้ ตอบโจทย์กระแสการผันตัวเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่กำลังมาแรง

เช่นเดียวดีมานด์กล้องฟูลเฟรม พร้อมกับจัดโปรโมชั่น อาทิ ลดราคา และการให้เครดิตเงินคืน รวมถึงอาจขยายระยะเวลาผ่อน 0% ให้นานกว่าสูงสุด 12 เดือนในปัจจุบัน เพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขันในช่วงโค้งท้ายที่คาดว่าการแข่งขันจะดุเดือด โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์ APS-C ที่มีผู้เล่นหลายราย

ขณะเดียวกัน ยังส่งทีมงานเดินสายสนับสนุนร้านค้าในการจัดกิจกรรมทริปถ่ายภาพ กิจกรรมทัชแอนด์ทราย เวิร์กช็อป ฯลฯ หลังหลายรายระดมจัดกิจกรรมกันคึกคัก ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีกิจกรรมเกี่ยวกับการถ่ายภาพแบบรายสัปดาห์ซึ่งนับว่าถี่มากกว่าปกติ พร้อมกันนี้ ร้านค้ายังเริ่มสั่งสินค้าเตรียมพร้อมสำหรับหน้าขายปลายปีแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกล้องในเซ็กเมนต์กล้องฟูลเฟรมให้ได้ไม่ต่ำกว่า 40% รวมถึงเป็นเบอร์ 1 ในเซ็กเมนต์อื่น ๆ ด้วย

โดรน-แอ็กชั่นคาเมร่ามาแรง

นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร้านจำหน่ายกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์รายใหญ่กล่าวว่า ปัจจุบันแบรนด์กล้องกลับมาตื่นตัวในการทำตลาดมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี และครึ่งหลังของปีมีการเปิดตัวสินค้าใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแคนนอน โซนี่ ฯลฯ ช่วยกระตุ้นตลาดให้คึกคัก โดยช่วงครึ่งปีหลังนี้แบรนด์กล้องต่างหันมาเปิดตัวกล้องระดับเริ่มต้นสำหรับ Vlog อีกครั้งไม่ว่าจะเป็นแคนนอนที่มีกล้องราคา 1.59 หมื่นบาท หรือโซนี่มีตั้งแต่ 1.79-2.99 หมื่นบาท สะท้อนว่าแบรนด์พยายามชิงเซ็กเมนต์นี้กลับมา ด้วยการเจาะกลุ่มผู้ใช้มือถือที่ต้องการคุณภาพสูงขึ้น

ด้านดีมานด์ของผู้บริโภคนั้น มีความต้องการอุปกรณ์ถ่ายภาพหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นกล้องแอ็กชั่นคาเมร่า และกล้อง 360 องศา กล้องถ่ายใต้น้ำ ไปจนถึงโดรนถ่ายภาพ สะท้อนจากปี 2565 ยอดขายโครนของบริษัทเติบโตถึง 30% สะท้อนถึงความนิยมอุปกรณ์นี้ได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่ากระแสความนิยมนี้จะทำให้โดรน แอ็กชั่นคาเมร่า และกล้อง 360 องศา มาทดแทนเซ็กเมนต์กล้องคอมแพ็กต์ที่หายไปจากการแข่งขันกับสมาร์ทโฟน

สำหรับ บิ๊ก คาเมร่า เอง ช่วงไตรมาส 4 จะมีแคมเปญไฮไลต์อย่าง บิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โบนัส 2023 โดยลูกค้าที่ช็อปครบทุก 3,000 บาท จะได้สิทธิลุ้นร่วมทริปท่องเที่ยวประเทศจอร์เจีย 8 วัน 5 คืน 15 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 2.8 ล้านบาท พร้อมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพแฟชั่นจากช่างภาพระดับท็อปคลาสของเมืองไทย “จอร์จ-ธาดา วารีช” พร้อมนักแสดงดัง “เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ” ร่วมเป็นนางแบบ เป็นต้น

แคมเปญนี้จะจัดยาวตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2566 ถึง 15 มกราคม 2567 เชื่อว่าแคมเปญนี้จะผลักดันยอดขายให้ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาทได้ รวมถึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดกล้องดิจิทัลให้มีความคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ

โหมโปรโมชั่นคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ร้านจำหน่ายกล้องหลาย ๆ ค่ายต่างมีการจัดแคมเปญโปรโมชั่นกันอย่างคึกคัก อาทิ เวิลด์คาเมร่า จัดแคมเปญ World Camera X Canon Super Mega Sale ลดราคากล้องและเลนส์ พร้อมผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน หรือเลือกรับเงินคืนได้ 3% จนถึง 15 ตุลาคม 2566

ด้านร้านซูมคาเมร่า จัดโปรโมชั่นลดราคาโดรน DJI Mini 3 Pro สูงสุด 3,100 บาท โดยรุ่น DJI Mini 3 Pro ราคาปกติ 25,690 บาท เหลือ 23,090 บาท และรุ่น DJI Mini 3 Pro RC ราคาปกติ 30,990 บาท เหลือ 27,890 บาท ตั้งแต่ 10-31 ต.ค. 2566 รวมถึงลดราคาแอ็กชั่นคาเมร่ารุ่น DJI Osmo Action 3 สูงสุด 2,600 บาท ตั้งแต่ 10-27 ต.ค. 2566 อีกด้วย

ส่วนฟูจิฟิล์มผนึกร้านค้าจัดแคมเปญฮัลโลวีนลดราคาสินค้าสูงสุด 3 หมื่นบาท ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2566 อาทิ กล้องรุ่น GFX 100s ลดจาก 209,990 บาท เหลือ 188,990 บาท เป็นต้น