นิคอนเพิ่มงบฯ 2 เท่า ชิงเม็ดเงินโค้งท้าย ระดมโปรโมชั่น-กิจกรรม ทั้งราคาพิเศษ ผ่อน 0% ยาว 24 เดือน เวิร์กช็อป ฯลฯ หวังปลุกยอดช่วงตลาดกล้องดิจิทัลคึกคัก แย้มบริษัทแม่เตรียมตั้งฐาน 2 ธุรกิจใหญ่ในไทย ทั้งอุปกรณ์อุตสาหกรรม-การแพทย์ รับกระแสอุตฯ รถไฟฟ้า และเวลเนสโต มั่นใจปีนี้เติบโต 15% แน่นอน
นายวีระ เฉลียวปิยะสกุล รองประธาน บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ถ่ายภาพแบรนด์นิคอน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงโค้งท้ายของปี 2566 นี้ บริษัทเพิ่มงบฯการตลาดเป็น 2 เท่าของปี 2565 เพื่อระดมกิจกรรมและโปรโมชั่นกระตุ้นการจับจ่ายเต็มที่ ทั้งในแง่ของความถี่และหลากหลาย เพื่อรับไฮซีซั่นของวงการกล้องที่ปีนี้มีแนวโน้มคึกคักมากกว่าปกติ ด้วยสินค้าใหม่จากทั้งบริษัทเองและแบรนด์อื่น ๆ ความพร้อมจับจ่ายของทั้งมืออาชีพและผู้ใช้ทั่วไปที่ถ่ายภาพระหว่างท่องเที่ยว รวมถึงสถานการณ์ซัพพลายที่ดีขึ้น
สะท้อนจากช่วงไตรมาส 3 ช่างภาพที่เป็นสมาชิก NPS (Nikon professional service) ที่ต่างระบุว่าปัจจุบันมีการจ้างงานทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต งานแข่งกีฬา งานเปิดตัวสินค้า สัมมนา ทำให้มั่นใจในการอัพเกรดอุปกรณ์ ขณะเดียวกัน ความคึกคักของงานแฟร์แนวท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา แสดงถึงดีมานด์ท่องเที่ยวได้ชัดเจน พร้อมกันนี้ คอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นให้เหล่าผู้ติดตามอัพเกรดกล้อง-เลนส์ตามไปด้วย และช่วงปลายปีเศรษฐกิจน่าจะเริ่มดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยว
ขณะที่ยอดขายของบริษัทไปในทิศทางเดียวกัน โดยเมื่อเดือนกันยายนสามารถทำผลงานได้ตามเป้า จึงมั่นใจว่าช่วงตุลาคม-ธันวาคมนี้ตลาดกล้องจะคึกคัก และอาจต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นอีกไฮซีซั่นที่ผู้บริโภคจะซื้อกล้องก่อนเที่ยวสงกรานต์อีกด้วย
“ช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม ตลาดเติบโตสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี’65 แล้ว ขณะที่ข้อมูลภายในของบริษัท อาทิ ยอดจองกล้องรุ่น Z8 ที่สูงมาก และยอดสั่งซื้อเลนส์รุ่นใหม่ ส่วนสิงหาคม-ตุลาคม หลายแบรนด์จะทยอยเปิดตัวและวางขายสินค้ารุ่นใหม่กัน รวมถึงมีซัพพลายสินค้ามากขึ้นด้วย จึงเชื่อว่าตลาดจะโตต่อเนื่องและอาจโตกว่าช่วงเดียวกันของปี’65 มาก ทำให้ไตรมาส 3-4 นี้บริษัทกล้องน่าจะแฮปปี้กันถ้วนหน้า”
ปูพรมกิจกรรมปลุกตลาด
นายวีระย้ำว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมียุทธศาสตร์ใหม่สำหรับขยายฐานลูกค้าออกไปยังกลุ่มครอบครัว เช่นเดียวกับหมวดธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของ นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) ในช่วง 1-3 ปีหลังจากนี้ ด้วยการเดินหน้าจัดโปรโมชั่นและกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นราคาพิเศษ ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน กิจกรรมทดลองกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Z f เวิร์กช็อปการถ่ายภาพแบบต่าง ๆ ทั้งบุคคล นก รถยนต์ ฯลฯ รวมถึงขนทัพสินค้าไปร่วมงานโฟโต้แฟร์ ซึ่งปีนี้ย้ายมาจัดที่สยามพารากอน ตั้งแต่ 9-12 พฤศจิกายน 2566
พร้อมเพิ่มความเข้มข้นของยุทธศาสตร์ใหม่ Nikon new fan ที่มุ่งเจาะกลุ่มครอบครัว และนักเรียน นักศึกษา เพื่อสร้างฐานผู้ใช้กล้องนิคอนรุ่นใหม่ สำหรับกลุ่มครอบครัวนั้น อาศัยจัดกิจกรรมในศูนย์ฝึกฟุตบอล หรือฟุตบอลอะคาเดมี่ เช่น ยูกิ ฟุตบอลอะคาเดมี่จากญี่ปุ่น และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี่ จัดเวิร์กช็อปให้ผู้ปกครองได้ลองใช้กล้องเพื่อถ่ายรูป-วิดีโอลูก ๆ ขณะซ้อมหรือแข่งขันแทนโทรศัพท์มือถือ และจะขยายต่อไปยังอะคาเดมี่อื่น ๆ ด้วย ส่วนกลุ่มนักเรียนนักศึกษาจะปูพรมกิจกรรมในมหาวิทยาลัยตามความนิยมของนักศึกษา เช่น จุฬาฯ จัดแนวไฟน์อาร์ต ส่วน ม.กรุงเทพ จะเป็นแนวคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และแนววิดีโอสำหรับ ม.รังสิต เป็นต้น
ขยาย 2 ธุรกิจใหม่ในไทย
สำหรับธุรกิจใหม่นั้น บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเตรียมขยายฐานอีก 2 ธุรกิจในเครือเข้ามาในไทยแบบเต็มตัวคือ ธุรกิจมาตรวิทยาเชิงอุตสาหกรรม (industrial metrology) ซึ่งเกี่ยวกับอุปกรณ์วัด-ถ่ายภาพสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เครื่องวัดขนาด 3 มิติ, กล้องจุลทรรศน์อุตสาหกรรม, เอกซเรย์ CT สำหรับอุตสาหกรรมและธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์
ทั้ง 2 ธุรกิจนี้ บริษัทในไทยจะรับช่วงการทำตลาดและพัฒนาต่อแบบเต็มตัว จากเดิมที่บริษัทในระดับภูมิภาคหรือบริษัทแม่จะเป็นผู้ดูแล ส่วนบริษัทในไทยจะรับหน้าที่สนับสนุน เช่นเดียวกับการผลิตที่คาดว่าจะใช้การขยายไลน์การผลิตของโรงงานเดิมในไทย ขณะนี้ได้ใบอนุญาตประกอบกิจการจากบีโอไอสำหรับธุรกิจมาตรวิทยาเชิงอุตสาหกรรมแล้ว ส่วนธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์นั้นจะเป็นระยะกลางในขั้นต่อไป
เนื่องจากบริษัทแม่เห็นโอกาสเติบโตในไทยสูงขึ้นต่อเนื่องจากกระแสการเข้ามาเปิดโรงงานยานยนต์ไฟฟ้าของหลายแบรนด์ ซึ่งจะทำให้ความต้องการอุปกรณ์มาตรวิทยาเชิงอุตสาหกรรมจำนวนมากเพื่อคุมมาตรฐาน เช่นเดียวกับการเติบโตของธุรกิจสุขภาพ และบริษัทในประเทศนั้นใกล้ชิดลูกค้ามากกว่าจึงสื่อสารได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นไปตามแนวทางการลดความซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจและประสานงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปี จึงจะเห็นความชัดเจนในการดำเนินธุรกิจและทำตลาด เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องใช้บุคลากรซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านที่แตกต่างจากธุรกิจกล้องดิจิทัล
นายวีระย้ำความมั่นใจว่า ด้วยกระแสการฟื้นตัวของตลาดและการทุ่มงบฯเพิ่ม 2 เท่าจากปีก่อน จะช่วยให้สิ้นปีงบฯ ในเดือนมีนาคม 2567 บริษัทจะเติบโตได้ประมาณ 15% หลังจากปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงก่อนไฮซีซั่นมีระดับการเติบโตอยู่ที่ 10%