ตลาดการ์ตูนโตแรงสวนเศรษฐกิจ “เดกซ์” ผนึกญี่ปุ่นเพิ่มสินค้า

ตลาดการ์ตูนญี่ปุ่น 3 พันล้าน แกร่งสวนเศรษฐกิจ หลังแฟนคลับทุ่มไม่อั้นทั้งหนังสือ-ตั๋วหนัง-ของสะสม “เดกซ์” สบโอกาสเดินหน้าผนึกพันธมิตรญี่ปุ่นขยายไลน์สินค้า-เพิ่มคอนเทนต์-กิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมธุรกิจรุกตลาดเกมมือถือธันวาคมนี้ เอาใจแฟนคลับ มั่นใจสิ้นปีรายได้ปีนี้แตะ 400 ล้านตามเป้า

นายกฤษณ์ สกุลพานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส จำกัด หรือ “เดกซ์” ผู้บริหารลิขสิทธิ์สื่อบันเทิงจากญี่ปุ่น อาทิ วันพีซ มาสก์ไรเดอร์ อุลตร้าแมน กันดั้ม ฯลฯ กล่าวว่า ช่วงโค้งท้ายนี้และปี 2563 สื่อบันเทิงในเซ็กเมนต์การ์ตูนญี่ปุ่นมูลค่าประมาณ 2.5-3 พันล้านบาท ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยกำลังซื้อของแฟน ๆ ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่ยอมลงทุนกับสินค้าจากแคแร็กเตอร์ที่ตนชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นของสะสม หนังสือ ตั๋วภาพยนตร์ และอื่น ๆ รวมถึงการเป็นสมาชิกบริการสตรีมมิ่งและอีบุ๊ก ขณะที่การละเมิดลิขสิทธิ์ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขายตั๋วภาพยนตร์ สินค้า และอีบุ๊กของบริษัทที่เติบโตขึ้นตามเป้าที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจ และเชื่อว่าเทรนด์นี้จะดำเนินต่อไปในปีหน้าด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากพฤติกรรมการรับสื่อของแฟนการ์ตูนเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี เช่นเดียวกับแฟนของสื่อบันเทิงอื่น ๆ โดยความนิยมรับชมคอนเทนต์แบบดิจิทัลบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และแต่ละช่องทางมีฐานผู้ชมเฉพาะตัวทำให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ต้องปรับแผนการผลิต-เผยแพร่สื่อ และการสื่อสารกับแฟน ๆ เพื่อรับความเปลี่ยนแปลงนี้ จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งเผยแพร่คอนเทนต์ผ่านสื่อดิจิทัลมากขึ้นและปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้สัมพันธ์กับฐานผู้บริโภคของแต่ละแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น “ฟลิกเซอร์” (Flixer) แอป สตรีมมิ่ง ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองและเป็นแพลตฟอร์มสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีฐานผู้ชมหลักแสนคนตั้งแต่เด็ก วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่รุ่นพ่อแม่ หรือไลน์ทีวีและยูทูบที่กลุ่มเด็กเล็กนิยมใช้งาน

เช่นเดียวกับการขยายไลน์อัพอีบุ๊กให้หลากหลาย และระดมจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งแฟนมีต วิ่ง ฯลฯ ให้ถี่ขึ้น รวมถึงการรุกตลาดเกมเป็นครั้งแรกอีกด้วย เริ่มจากเดือนธันวาคมนี้จะเปิดตัวเกมใหม่ พร้อมทำการตลาดสร้างการรับรู้ ก่อนจะเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2563 ส่วนด้านคอนเทนต์จะร่วมมือกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่น เพื่อนำคอนเทนต์ใหม่ ๆ เข้ามาและเผยแพร่ให้รวดเร็วขึ้น เช่น การนำภาพยนตร์เข้าโรงฉายให้ครบทุกเรื่อง และขยายจำนวนโรงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ออกอากาศทีวีซีรีส์บนฟลิกเซอร์ พร้อมกับที่ญี่ปุ่น จากปัจจุบันที่จะช้ากว่าอยู่ 1 ปี เป็นต้น

เช่นเดียวกับการพัฒนาคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การทำเป็นอีบุ๊ก ที่ดีมานด์กำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักอ่านเริ่มหันมาสนใจเพราะตอบโจทย์ด้านความสะดวกทั้งพกพาและจัดเก็บ

ขณะที่สำนักพิมพ์ญี่ปุ่นเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการขอสิทธิ์จัดทำ ช่วยให้สามารถผลิตอีบุ๊กได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก โดยหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพ คือ มาสก์ไรเดอร์ (Mask Rider) ที่มีฐานแฟนคลับกว้างและเหนียวแน่นจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ครอบคลุมตั้งแต่เด็กรุ่นใหม่ ไปจนถึงแฟนรุ่นบุกเบิกวัย 30 กว่าปี ซึ่งมีกำลังซื้อและพร้อมจับจ่ายกับของสะสมต่าง ๆ และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดรับชมผ่านช่องทางต่าง ๆ ยอดขายตั๋วภาพยนตร์และของสะสมที่เติบโตอยู่ตลอด

นายกฤษณ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปีหน้าบริษัทจะต่อยอด ด้วยการร่วมมือกับทั้งบริษัท โตเอะ คอมปานี จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ มาสก์ไรเดอร์ และบริษัท บันได ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่จากญี่ปุ่น และพยายามจะนำภาพยนตร์เข้าฉายให้ครบ 3 เรื่อง รวมถึงขอลิขสิทธิ์ซีรีส์มาสก์ไรเดอร์เก่า ๆ มาฉายในฟลิกเซอร์ ไลน์ทีวี และยูทูบ เช่นเดียวกับการนำลิขสิทธิ์มาผลิตสินค้าและนำเข้าสินค้าต่าง ๆ ไปจนถึงการทำการตลาด อาทิ จัดกิจกรรมพิเศษทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เช่น นำนักแสดง นักพากย์หรือผู้กำกับ มาจัดแฟนมีตเพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับ และการแชร์ข้อมูลการตลาดระหว่างกันเพื่อพัฒนากลยุทธ์-สินค้าให้ตอบโจทย์

ขณะที่นายชินอิจิโร่ ชิราคุระ โปรดิวเซอร์ บริษัท โตเอะ คอมปานี จำกัด กล่าวว่า ไทยมีศักยภาพภาพสูง โดยเฉพาะความนิยมรับชมคอนเทนต์ผ่านออนไลน์และเทคนิคการบริหารสื่อ-การทำตลาด จนมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นกว่าตลาดใหญ่อย่างสหรัฐ และทัดเทียมกับญี่ปุ่น ทำให้จากนี้บริษัทจะสนับสนุนการทำตลาดในไทยมากขึ้นเพื่อผลักดันให้มีศักยภาพทัดเทียมตลาดจีน

นอกจากนี้ต้นปีหน้าจะไฮไลต์พิเศษเป็นลิขสิทธิ์แคแร็กเตอร์ระดับท็อปตัวใหม่ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาขั้นสุดท้ายกับญี่ปุ่นคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี 2563 มั่นใจว่าการเร่งเครื่องการตลาดและแรงหนุนจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จะช่วยให้ปีนี้สามารถมีรายได้ถึง 400 ล้านบาทตามเป้า จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 300 ล้านบาท และจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต