ธุรกิจส่งแผนเปิดห้าง 1 พ.ค. ติดแอปคนซื้อ-แบ่งโซนพื้นที่

สภาหอฯผนึกทีดีอาร์ไอและสาธารณสุขทำแผนออกจาก “ล็อกดาวน์” ยักษ์ค้าปลีกลุ้นเปิดบริการ 1 พ.ค.นี้ “กลุ่มเซ็นทรัล” นำร่องส่งแผนเปิดห้าง “กลินท์ สารสิน” เสนอแผนรีสตาร์ตธุรกิจให้นายกรัฐมนตรีในการประชุม 20 เม.ย.นี้ แจงจัดระดับความเสี่ยง 7 ประเภทธุรกิจ พร้อมกำหนดโซนพื้นที่เสี่ยง “เขียว-เหลือง-แดง” แบ่งเฟสเปิดบริการเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ พร้อมมาตรการเฝ้าให้ประชาชนลงทะเบียนแอป “หมอชนะ” เพื่อเช็กลิสต์ความเสี่ยงแต่ละคน ด้านนายกฯเชื่อมือหมอชี้ขาดรีสตาร์ตธุรกิจ

จัดความเสี่ยงประเภทธุรกิจ

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชน ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ซึ่งรับผิดชอบ “มาตรการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่หลังล็อกดาวน์” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างจัดทำแผนการเปิดธุรกิจใหม่ หลังสิ้นสุดการล็อกดาวน์ในวันที่ 30 เมษายนนี้ โดยในการจัดทำแผนหอการค้าฯร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และนักวิชาการด้านระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ในการกำหนดประเภทธุรกิจที่จะกลับมาเปิดบริการ พร้อมทั้งกำหนดกลุ่มพื้นที่จะกลับมาเปิดดำเนินการ (area base) โดยจัดแบ่งเป็นกลุ่มสีแดง-สีเหลือง และสีเขียว เบื้องต้นดูแลใน 6-7 กลุ่ม อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร, สนามกีฬากลางแจ้ง, สนามกีฬาในร่ม/กลุ่มฟิตเนส, ร้านเสริมสวย/ร้านตัดผม, ผับ-บาร์, ห้องเกมรูม, ออฟฟิศให้เช่า และร้านค้าเฉพาะสินค้า เช่น ร้านเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโฮมโปร

ทั้งนี้ เกณฑ์การพิจารณาจะแบ่งประเภทธุรกิจ ว่าเป็นกลุ่มที่ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ เช่น สนามมวยเป็นสนามกีฬา ควบคุมการใช้เสียงได้หรือไม่ เพราะการใช้เสียงหมายถึงการเปล่งเสียงออกมาจะมีน้ำลาย/สารคัดหลั่งที่แพร่กระจายออกมาด้วย เป็นต้น ซึ่งต้องดูว่าจะควบคุมอย่างไร หรือกรณีร้านอาหาร สามารถเปิดให้บริการได้ หากปฏิบัติตามมาตรการ เช่น การเว้นระยะห่างของโต๊ะ-เก้าอี้ หรือร้านที่เป็นห้องแอร์จะต้องมีระบบอากาศถ่ายเท มาตรการตรวจสอบวัดอุณหภูมิ อุปกรณ์หน้ากากอนามัยป้องกันผู้มาใช้บริการ เป็นต้น

“กรุงเทพฯ” ติดโผพื้นที่สีแดง

“สำหรับการจัดแบ่งโซน พื้นที่สีเขียว หมายถึง พื้นที่ปลอดภัย เช่น ใน 9 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อ หรือในจังหวัดที่มีอัตราการแพร่เชื้อน้อย, สีเหลืองก็อาจเป็นพื้นที่มีการแพร่ในระดับสูงขึ้น และสีแดง จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดจำนวนมาก อย่างกรุงเทพฯ นนทบุรี หรือจังหวัดภูเก็ต ซึ่งโซนพื้นที่นี้เป็นไปตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์การติดเชื้อ”

นายกลินท์เปิดเผยว่า ในการจัดประเภทธุรกิจที่จะกลับมาเปิดดำเนินการ เป็นการทำงานร่วมกับทีดีอาร์ไอและนักวิชาการระบาดวิทยา จะกำหนดลิสต์ออกมาให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนเสนอเลขาธิการสภาพัฒน์วันที่ 20 เมษายนนี้ โดยจะแบ่งเป็นสีเขียว-เหลือง-แดงเหมือนกัน ขึ้นกับว่าธุรกิจนั้นมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคได้หรือไม่

ขั้นตอนและระยะเวลาการเปิดอาจไม่พร้อมกันทั้งหมด เช่น พื้นที่แดงไม่ใช่จะปิดหมดเลย แต่อาจจะสามารถเปิดบริการธุรกิจกลุ่มสีเขียวได้ เช่น พวกร้านอาหาร แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการที่กำหนด เว้นที่ว่างโต๊ะหรือมีมาตรการป้องกันการระบาด เป็นต้น หรือพื้นที่สีเขียวจะเปิดธุรกิจใดได้บ้าง ก่อนหรือหลังก็ขึ้นกับมาตรการควบคุม”

ใช้แอป “หมอชนะ” เช็กลิสต์

นายกลินท์กล่าวว่า นอกจากนี้ในกระบวนการตรวจสอบและบริหารจัดการทางหอการค้าจะเสนอให้นำแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” ซึ่งเป็นแอปที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมาเพื่อเก็บข้อมูลประชาชนและเฝ้าระวังบุคคลกลุ่มเสี่ยง มาใช้งานร่วมกันเพื่อช่วยในการตรวจสอบกลุ่มเสี่ยง โดยประชาชนจะต้องเข้าไปลงทะเบียนในแอป ซึ่งจะต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ และจะมีคิวอาร์โค้ดประจำตัว ซึ่งจากข้อมูลแอปก็จะแบ่งกลุ่มประชาชน โดยสีเขียวสำหรับบุคคลที่ไม่มีความเสี่ยง-สีเหลืองสำหรับคนที่เข้าข่ายเสี่ยง และสีแดง คือกลุ่มที่เสี่ยง

เมื่อประชาชนไปใช้บริการร้านค้าก็ต้องเปิดคิวอาร์โค้ดให้สแกน ซึ่งในแอปจะมีฟังก์ชั่นบอกว่ามีกลุ่มเสี่ยงบริเวณนั้นมากน้อยแค่ไหน หรือมีกลุ่มเสี่ยงเคยมานั่งรับประทานอาหารตรงจุดนี้หรือไม่ และหากพบว่าประชาชนเข้าข่ายเสี่ยง แอปก็จะส่งข้อมูลเพื่อแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบว่า ต้องเข้าสู่การกักตัว 14 วัน อย่างไรก็ตาม หากมีใครให้ข้อมูลที่เป็นเท็จในการลงทะเบียนเข้าใช้แอป เชื่อว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกำกับดูแล

“หากธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจอาจจะดีขึ้น” นายกลินท์กล่าว

ร่วมหารือทูตสหรัฐ

นอกจากนี้นายกลินท์กล่าวว่า ตนได้หารือกับทูตสหรัฐถึงประเด็นการเตรียมแผนกลับมาให้ธุรกิจเปิดดำเนินการ เนื่องจากทางประธานาธิบดีสหรัฐ (โดนัลด์ ทรัมป์) ก็จะประกาศนโยบายคลายล็อกให้กับธุรกิจเช่นกัน โดยทางสหรัฐพร้อมจะสนับสนุนแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการทำงานสำหรับมาปรับใช้กับประเทศไทยด้วย

ขณะที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หากธุรกิจสามารถกลับมาได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และทำให้จำนวนคนตกงานน้อยกว่าที่ทางคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินไว้ 7 ล้านคน

ชูหมอชี้ขาด “รีสตาร์ตธุรกิจ”

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนของ ศบค.ระบุว่า วันที่ 20 เม.ย. 63 ทีมของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่มีนายกลินท์ สารสิน เป็นประธานกลุ่มศึกษาแนวทางภาคธุรกิจที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ จะเสนอแผนรีสตาร์ตธุรกิจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข สภาพัฒน์ โดยจะมีทีมแพทย์ที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีใน ศบค.ร่วมพิจารณาชี้ขาด ว่าจะเปิดแค่ไหน เพียงใด โดยอาศัยข้อมูลทางการแพทย์ เช่น แนวโน้มผู้ติดเชื้อ เป็นปัจจัยชี้ขาดหลัก ว่าจะคลายล็อกธุรกิจประเภทใดและพื้นที่ใดบ้าง เพื่อไม่ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกครั้งเหมือนประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่น

ยักษ์ค้าปลีกลุ้นเปิด 1 พ.ค.

รายงานข่าวจากผู้ประกอบการศูนย์การค้ารายใหญ่เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมส่วนต่าง ๆ เพื่อเปิดบริการอีกครั้ง อาทิ มาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามสัดส่วนพื้นที่ ระยะห่างโต๊ะเก้าอี้ในร้านอาหาร ฯลฯ ประเมินว่าจากการที่คนต้องทำงานที่บ้าน (work from home) ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อยากผ่อนคลาย อยากพบเจอเพื่อน ๆ ทำให้ช่วงแรกน่าจะมีผู้มาใช้บริการมากพอสมควร โดยเฉพาะร้านอาหาร แต่คงเทียบกับภาวะปกติไม่ได้

“เราเตรียมแผนการตลาดต่าง ๆ ไว้หลายระดับ ต้องยอมรับว่า นี่คือการเปิดบริการในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และอีกนานกว่าที่สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ”

แหล่งข่าวผู้ประกอบการค้าปลีกเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีแนวโน้มที่ภาครัฐจะอนุญาตให้ห้างและศูนย์การค้าต่าง ๆ เปิดบริการได้ในวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป เร็วกว่าที่คาดกันไว้ ส่วนหนึ่งน่าจะเพื่อลดความกดดันแรงงานที่ขาดรายได้จากการปิดร้าน และรัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกคน

“เซ็นทรัล” ส่งแผนเปิดห้าง

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ประชุมร่วมกับหอการค้าไทยเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางและจัดทำแผนงานสำหรับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ไปเสนอคณะทำงานในวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 เมษายน) โดยเบื้องต้นแผนของเซ็นทรัลจะแบ่งเป็นเฟส ๆ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับมาตรการความสะอาด ปลอดภัย และการเว้นระยะห่างทางสังคม เช่น การจำกัดจำนวนผู้ใช้ลิฟต์ การใช้บันไดเลื่อน การจัดที่นั่งในร้านอาหารให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดช่วงเวลาพิเศษ หรือช่องทางการจ่ายเงินพิเศษให้สำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ สตรีมีครรภ์ ตลอดจนการสต๊อกสินค้าให้พร้อมทั้งการสั่งซื้อออฟไลน์และออนไลน์ เป็นต้น

“เราเตรียมพร้อมทุกด้านสำหรับการกลับมาเปิดอีกครั้ง แต่จะเปิดอย่างไรก็ต้องรอฟังแนวทางจากทางรัฐบาลอีกครั้ง”

ทั้งนี้ ในส่วนของห้างเซ็นทรัล สาขานครศรีธรรมราช ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกัน และการเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด และยังมีจุดให้บริการดีลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้าน การจัดระเบียบที่นั่งให้พนักงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการให้มีระยะห่างตามที่สาธารณสุขกำหนด พร้อมปฏิบัติตามประกาศผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเคร่งครัด ทำให้ยังมีร้านค้าบางส่วนยังไม่ได้เปิดให้บริการ อาทิ โรงภาพยนตร์ เป็นต้น

บาร์บีคิวพลาซ่าเตรียมพร้อม

นางสาวบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แพชชั่น จำกัด เจ้าของร้านบาร์บีคิวพลาซ่า เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทกำลังวางแผนเพื่อรองรับการเปิดให้บริการร้านอาหาร ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ โดยเบื้องต้นแผนที่วางไว้คือ การให้ความสำคัญตามมาตรการความปลอดภัยทั้งพนักงานและลูกค้า และการเว้นระยะห่างทางสังคม สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มการดูแลด้านสุขภาพพนักงานก่อน เพราะหากเกิดปัญหาอะไรจะส่งผลกระทบในระยะยาวได้

โดยขณะที่รอฟังแนวทางจากรัฐบาล สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือมองหาโอกาสขายดีลิเวอรี่ และไลฟ์สดขายสินค้า ปัจจุบันบาร์บีคิวพลาซ่ามีร้านที่เปิดบริการ 44 สาขา ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จัดส่งวัตถุดิบวันเว้นวัน เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกแบรนด์ต้องหันมาโฟกัสดีลิเวอรี่ เพื่อทดแทนรายได้หลักที่หายไป แต่ต้องยอมรับว่า เป็นเพียงรายได้ส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับที่เคยได้รับจากสถานการณ์ปกติ