“เซ็นทรัลรีเทล” หั่นเป้าเติบโต โควิดรอบ 3 หนัก-บุกเวียดนามปั๊มรายได้

ซีอาร์ซี ปรับลดเป้าเติบโตจาก 10% เหลือ 8% หลังโควิดระบาดระลอก 3 กระทบหนัก คาดจีดีพีโต 2% ประกาศเดินหน้าระดมสรรพกำลัง ออมนิแชนเนล-ออนไลน์ ปั้นรายได้ ย้ำยังเดินหน้าลงทุน 1.8 หมื่นล้านตามแผนเดิมที่เคยประกาศไว้ ทั้งผุดสาขาใหม่และรีโนเวตสาขาเดิม ก่อนหันเร่งเครื่องธุรกิจในเวียดนาม หลังฟื้นตัวแกร่งตั้งแต่ต้นปี เดินหน้าขยายสาขาท็อปส์-โก เล็งส่งไทวัสดุปักธงสาขาแรก แย้มกำลังจับตาดีลร่วมทุน-ซื้อกิจการ

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือซีอาร์ซี ผู้บริหารธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ กล่าวในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลกระทบหนักกว่าและแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ เพราะการติดเชื้อเกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวม และหากสถานการณ์ยืดเยื้อนาน 3-4 เดือน อาจทำให้การเติบโตของจีดีพีลดลงจาก 4% เหลือเพียง 2%

โควิดหนัก-ปรับเป้าการเติบโต

สำหรับซีอาร์ซีเอง เบื้องต้นหากทางการสามารถควบคุมการระบาดและเดินหน้าฉีดวัคซีนได้เร็ว การเติบโตของรายได้ในปี 2564 นี้จะลงจาก 10% เป็น 8% พร้อมจึงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการเน้นรักษาสภาพคล่อง และเข้มงวดด้านสต๊อกสินค้า เช่น การคัดเลือกสินค้าที่มีความต้องการในออนไลน์-ออฟไลน์

“เดิมก่อนสงกรานต์คาดกันว่าจีดีพีไทยจะโต 4% เวียดนาม 6-7% และอิตาลี 4-5% เราจึงตั้งเป้าโต 10% แต่การระบาดระลอก 3 กระทบหนักกว่าที่ผ่าน ๆ มา ทำให้ต้องปรับคาดการณ์ลง และหากสถานการณ์แย่ลงอีกอาจต้องเลื่อนแผนลงทุนต่าง ๆ ออกไปด้วย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีอาร์ซี ยังกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทพร้อมเร่งเครื่องระบบออมนิแชนเนลทุกรูปแบบที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก คลิกแอนด์คอลเล็กต์ แชตแอนด์ช็อป คอลแอนด์ช็อป ฯลฯ ตั้งเป้าให้แอปเซ็นทรัล เป็นศูนย์รวมด้านไลฟ์สไตล์ ร่วมกับแอปท็อปส์ ที่จะเป็นศูนย์รวมสินค้าอาหาร โดยนอกจากไทยแล้วยังเร่งพัฒนาออมนิแชนเนลในเวียดนามและอิตาลีไปพร้อมกันด้วย

ขณะเดียวกันพยายามบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้เติบโตตามยอดขาย โดยนำประสบการณ์จากปีที่แล้วมาปรับใช้ เพื่อรักษาสภาพคล่องและอัตรากำไรรับมือการระบาดระลอก 3 นี้

เดินหน้าลงทุนตามแผน

ซีอีโอบริษัท เซ็นทรัล รีเทล ขณะนี้บริษัทยังเดินหน้าแผนลงทุนมูลค่า 1.6-1.8 หมื่นล้านบาท ที่เคยประกาศไปเมื่อช่วงต้นปีเช่นเดิม โดยจะแบ่งงบฯ 60% สำหรับขยายธุรกิจ และอีก 40% สำหรับปรับปรุงส่วนต่าง ๆ ทั้งเทคโนโลยีหลังบ้าน และแพลตฟอร์มออนไลน์ ออมนิแชนเนล สำหรับในส่วนของการขยายธุรกิจนั้น เตรียมเปิดสาขาใหม่ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยในไทยจะเปิดโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง จังหวัดระยอง และอีก 2 สาขาที่จะประกาศหลังจากนี้ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต 40 สาขา สาขาของธุรกิจน็อนฟู้ด อาทิ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและร้านสินค้ากีฬาแบรนด์ต่าง ๆ อีก 60 สาขา

ส่วนในเวียดนาม มีแผนจะลงทุนเปิดโกมอลล์ 4 สาขา โกไฮเปอร์มาร์เก็ต 4 สาขา ท็อปส์ 20 สาขา และน็อนฟู้ด 60 สาขา

“ด้านแผนการปรับปรุงสาขานั้น มีแผนรีโนเวตเซ็นทรัล ชิดลม, ลาดพร้าว และพระราม 2 เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเตในมิลาน, ฟลอเรนซ์ และโรม อิตาลี พร้อมรีแบรนด์โรบินสันชลบุรี และขอนแก่นเป็นเซ็นทรัลด้วย”

เวียดนามโอกาสเติบโตดี

นายญนน์ย้ำว่า ปีนี้บริษัทคาดหวังกับการเติบโตของตลาดในเวียดนามเอาไว้มาก เนื่องจากที่ผ่านมา สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงมาก และธุรกิจสามารถกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติได้ทุกสาขานาน 4-6 สัปดาห์แล้ว บริษัทจึงเร่งเครื่องมากขึ้น พร้อมมุ่งขยายธุรกิจต่าง ๆ ในเครือเข้าไปในเวียดนามเพิ่มเติม เช่น ท็อปส์ ที่เป็นหัวหอกของกลุ่มอาหาร เล็งปักธงในเมืองหลวง อาทิ โฮจิมินห์ และฮานอย เป็นต้น เช่นเดียวกับความพยายามนำร้านฮาร์ดแวร์ ไทวัสดุ และแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าไดสัน เข้าไปปักธงสาขาแรก ทั้งนี้ต้องรอให้โควิด-19 คลี่คลายก่อน

“ปี 2564 นี้มีโอกาสเกิดดีลร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการได้สูง โดยบริษัทกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด” นายญนน์กล่าวและว่า

ทั้งนี้ปี 2563 ที่ผ่านมา เซ็นทรัลรีเทลฯได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลง 13% เหลือ 1.94 แสนบาท และกำไรสุทธิลดลง 97% เป็น 341 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การเติบโตในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายที่สามารถทำรายได้ 5.1 หมื่นล้านบาท และกำไร 1.1 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 7% และ 27% ตามลำดับ เช่นเดียวกับยอดขายผ่านทางออมนิแชนเนลซึ่งเติบโตถึง 180% จนขยับขึ้นมามีสัดส่วน 10% ของยอดขายรวม ทำให้เมื่อช่วงเดือนมีนาคมยักษ์ค้าปลีกได้ประกาศแนวทางฟื้นตัวแบบกราฟรูปตัววี “V” พร้อมเป้ารายได้เติบโต 10% ก่อนจะเกิดการระบาดระลอก 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซีอาร์ซีได้ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจ โดยตั้งเป้าการเติบโตในแง่ของรายได้ 10% ด้วยงบฯลงทุน 18,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในระยะยาวที่จะเติบโตทั้งรายได้และกำไร ด้วยแพลตฟอร์ม customer-centric omnichannel ที่มีรูปแบบและช่องทางที่หลากหลายทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยมีแผนจะขยายธุรกิจโดยการพัฒนาแพลตฟอร์ม omnichannel เพื่อนำเสนอรูปแบบค้าปลีกที่แปลกใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์ที่หลากหลายและสะดวกสบายให้รองรับโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่มในประเทศไทยและต่อยอดไปยังธุรกิจต่างประเทศ

รวมทั้งการปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพในทุกหน่วยงาน บริหารจัดการการเงินเพื่อรักษาสภาพคล่อง และเน้นการลงทุนขยายสาขา strategic growth projects ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อเติบโตตามเป้าหมายในอนาคต เช่น การขยายสาขาไทวัสดุ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และ GO! เวียดนาม รวมถึงการพัฒนาร้านค้ารูปแบบใหม่หรือแบรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการศึกษาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ