สธ.ชง ศบค. ยกระดับพื้นที่เป็นสีส้ม จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์

อนุทิน ชาญวีรกูล
อนุทิน ชาญวีรกูล

สธ.เผยโอมิครอนระบาดหนักตามคาด จับตาสถานการณ์ 7-10 วัน ตั้งรับปรับมาตรการการเข้าเมือง-ควบคุมโรค-การกักตัว พร้อมชง ศบค. พิจารณาปรับพื้นที่เป็นสีส้ม จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ สกัดโควิด

วันที่ 6 มกราคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดโอมิครอนหลังเทศกาลปีใหม่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นไปตามคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม สธ.พร้อมปรับมาตรการรอบด้านเพื่อรับมือการแพร่ระบาด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเมือง การควบคุมโรค การแยกกัก และการกักตัว

โดยกรมควบคุมโรค เตรียมเสนอ ศบค.พิจารณายกระดับพื้นที่เป็นสีส้ม จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อมากที่สุด และจำกัดผู้ที่ลงทะเบียนเข้าประเทศในระบบ Test & Go ให้เกิดผลกระทบให้น้อยที่สุด โดยกำหนดเข้าประเทศวันสุดท้าย 15 มกราคม 2565 ซึ่งจะรับฟังในมิติทางเศรษฐกิจและด้านอื่น ๆ ประกอบกัน และมาประเมินศักยภาพอีกครั้ง

พร้อมกันนี้ สธ.ยังเฝ้าระวังจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อรอบ 7-10 วันข้างหน้า เพื่อทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมทั้งระบบ ยา เวชภัณฑ์ บุคลากรทางการแพทย์สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีอาการ ผู้ป่วยที่ต้องใช้ห้อง ICU ไว้เรียบร้อยแล้ว

โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการหนักเพิ่มไม่มาก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากการติดเชื้อยังมีอัตราเพิ่มขึ้นตามปกติจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว

สำหรับด้านการรักษา สธ.มีมาตรฐานในการดูแล โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแพทย์ หากผู้ป่วยไม่มีอาการ ขอความร่วมมือให้เข้าระบบ Home Isolation (HI) หรือ Community Isolation (CI) เพื่อสำรองเตียง เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ไว้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก

ด้านนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ สปสช.มีความพร้อมในการดูแลผู้ติดเชื้อ โดยมีระบบสายด่วน 1330 จับคู่ผู้ป่วยเข้าระบบ Home Isolation และ Community Isolation รองรับสายเข้าพร้อมกันได้ทั้งหมด 3,000 สาย มีเจ้าหน้าที่รับสายจำนวน 300 คน ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่ผ่านมามีผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาขอเตียงทั้งหมด 1,709 คน นำเข้าระบบกรมการแพทย์ได้ภายใน 6 ชั่วโมง ขอให้ความมั่นใจว่าแม้ผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่บ้านก็สามารถดูแลได้เหมือนกับอยู่ที่โรงพยาบาล มีหน่วยบริการ อาหาร ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ดูแลตามมาตรฐาน คาดว่าจะรองรับสถานการณ์ได้