ศรีนานาพรฯ ผนึกพันธมิตรในอินโดฯ เปิดโรงงานใหม่ลุยธุรกิจเครื่องดื่ม

ศรีนานาพรฯ กางแผนปี 65 จับมือพันธมิตรในอินโดฯ ตั้งบริษัทย่อยลุยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม ลุยเปิดโรงงานแห่งใหม่ในอินโดฯ หนุนธุรกิจในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเติบโตกระโดด 

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2565 คาดว่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ผ่านมา เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทลูกเริ่มออกดอกผล การจับจ่ายในประเทศเริ่มฟื้นตัว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะที่ยอดขายในประเทศเวียดนามเติบโตอย่างโดดเด่น กลายเป็นตลาดส่งออกหลัก โดยบริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะลงทุนในการเข้าซื้อหรือจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อต่อยอดธุรกิจ

พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะจดทะเบียนได้ภายในเดือนกันยายน 2565 ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 2,000,000 ดอลลาร์

โดยบริษัท เอสเอ็นเอ็นพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท 99.99%) จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 85% ผู้ร่วมทุนถือหุ้นจำนวน 15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ร่วมทุน เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม

“อินโดนีเซียเป็นตลาดของผู้บริโภคมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรกว่า 270 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประชากรของประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV รวมกัน แผนการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอินโดนีเซียในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขยายตลาดของสินค้าของเรา

ซึ่งในปัจจุบันมีสินค้ากลุ่มเยลลี่เข้าไปทำตลาดอยู่แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดี บริษัทฯเตรียมจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย เพื่อผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเร็วภายในไตรมาส 4/65 หรือไม่เกินไตรมาส 1/66 สร้าง New S Curve ให้กับธุรกิจ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสินค้ามีกระแสการเติบโตที่ดี และมีอัตรากำไรที่สูง โดยคาดว่าน่าจะมีสินค้าป้อนตลาดได้ในช่วงปลายปี 2565 เช่นกัน

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับอานิสงส์จากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงตลาดส่งออกในเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2564 มีรายได้จากการขาย 4,277.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 437.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 366.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 93.8 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์