“บริดจสโตน” ชูพันธกิจ E8 สู่ความยั่งยืน

เคอิจิ ชูมะ บริดจสโตน
เคอิจิ ชูมะ
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

“เคอิจิ ชูมะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด ประกาศพันธกิจและความพร้อมในการขับเคลื่อนองค์กรและการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้องค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนสู่ปี 2050 กับ พันธกิจ “Bridgestone E8 Commitment” ด้วยการสร้างคุณค่าใน 8 ด้าน

Q : “E8 Commitment” คืออะไร

“Bridgestone E8 Commitment” หรือ E8 นี่ถือเป็นนโยบายที่บริดจสโตนจะใช้ทั่วโลก ซึ่งเกิดจากการระดมสมองของทีมงาน เพื่อใช้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารซึ่งจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผ่าน “เจตจำนง” และ “กระบวนการทำงาน” ร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้าเพื่อสร้างสรรค์ความยั่งยืนให้สังคมต่อไป

ที่เริ่มต้นจากตัว “E” ซึ่งสะท้อนความเชื่อมโยงกับทุกแง่มุมของธุรกิจในแบบฉบับของบริดจสโตนบนพื้นฐานของความยั่งยืนเพื่อการรักษาและได้มาซึ่ง “ความไว้วางใจของลูกค้า”

สำหรับบริดจสโตน ประเทศไทย หลัก 8E ของเรา ได้แก่ 1.energy (พลังงาน) ซึ่งสังคมแห่งการเดินทางต้องเป็นกลางทางคาร์บอน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ผ่านทางห่วงโซ่คุณค่าของบริดจสโตน 2.ecology (สิ่งแวดล้อม) ตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริง เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมี “ENLITEN” หนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตนในการพัฒนายางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน 3.efficiency (ประสิทธิภาพ) ดีขึ้นได้อีก เพิ่มผลผลิตขึ้นได้อีก

4.extension (การเติบโต) เพราะโลกไม่เคยหยุด เราต้องไปให้สุดด้วยนวัตกรรม ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยืนหยัดด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 5.economy (เศรษฐกิจ) ดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ทะยานไปได้สุด-สะท้อนการดำเนินธุรกิจผ่านห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มคุณค่า 6.emotion (ความรู้สึก) ปลุกพลังบันดาลใจ เติมเชื้อไฟแห่งความตื่นเต้นสู่โลกแห่งการเดินทาง 7.ease (ความสะดวกสบาย) ทุกการเดินทาง จะสร้างความสุขได้มากกว่าเดิม

และ 8.empowerment (พลังทางสังคม) ผลักดันสังคมเพื่อความเท่าเทียม ซึ่ง E8 ก็เป็นเหมือนเกมในการให้เราคิดกับตัดสินใจในการวางแผนงานและช่วยให้ตัดสินใจเดินไปในทิศทางสู่ความยั่งยืนได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

Q : 1 ใน 8E ให้น้ำหนักด้านใดเป็นพิเศษ

จริง ๆ E ทั้ง 8 มีความสำคัญ และสอดประสานกันทั้งหมดจะขาดตัวหนึ่งตัวใดไปไม่ได้ แต่ถ้ามองระยะไกลของบริดจสโตนที่เอาความยั่งยืนเนี่ยเป็นแกนหลัก การจะมุ่งหน้าไป เราจึงมีการค้นหาหลักการตัวพันธสัญญาทั้ง 8 ตัว เพื่อให้เราสามารถเดินไปได้ มุ่งหน้าสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบ solution อย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งบริดจสโตนจะมีการทำแผนธุรกิจระยะกลางทุก ๆ 3 ปี ณ เวลานี้ แผนธุรกิจจะเป็น 2021, 2022, 2023, 2024, 2025 และ 2026

อย่างปีนี้ก็จะเป็นรอบของการประเมินตัวดัชนีชี้วัดทางธุรกิจ ซึ่งเราได้ทำแผนสำหรับปี 2023 และในแต่ละปีจะมีการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ไปถึง อย่างในปีหน้าก็มีดัชนีการชี้วัดเพื่อจะใช้ E8 ในแผนงานของเรา และ ณ เวลานี้ เรามองธุรกิจถึง 2026 เพื่อเตรียมวางแผนถึง 3 ปีข้างหน้า การดำเนินการเรื่องพันธสัญญา E8 นี้ เรามุ่งหน้าสู่ปี 2050 ซึ่งตอนนี้เราก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แต่ตัวนี้จะเป็นพื้นฐานให้เรามุ่งหน้า และนำพาเราไปสู่ปี 2050 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจระยะยาว

Q : E ทั้ง 8 จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้แค่ไหน

ต้องบอกก่อนว่า บริดจสโตนมีส่วนแบ่งทางการตลาดของยางรถยนต์นั่ง อยู่ที่ 20-30% ส่วนรถเพื่อการพาณิชย์ ที่เป็นบัส รถบรรทุก มีมากกว่า 50% บริดจสโตนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในประเทศไทย แน่นอนว่าความสำเร็จนั้น ไม่ได้มาด้วยระยะเวลาสั้น ๆ และจากนี้ไปเราต้องต่อยอดความสำเร็จด้วยพันธสัญญา E8 ให้ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน

ทั้งนี้หลังจากประกาศพันธสัญญา E8 ที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกแล้ว ประเทศไทยเองก็ถือเป็นประเทศต้น ๆ ที่ประกาศจุดยืนเป็นกลุ่มบริษัทที่อยู่ในแถวหน้าของ Bridgestone Group ทั้งหมด ที่สำคัญประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของบริดจสโตนไม่ว่าจะเป็นในด้านกำลังการผลิตถือว่าเป็นแนวหน้าของทาง Bridgestone Group ทั้งการผลิตเพื่อป้อนให้กับตลาดทดแทน หรือว่าตลาดรถยนต์แล้ว ยังมีการผลิตเพื่อส่งออกไปยังอเมริกา ยุโรป หรือตะวันออกกลางรวมถึงแอฟริกา และอีกหลาย ๆ ประเทศ

Q : ประเมินภาพรวมตลาดยางรถยนต์

ตลาดยางรถยนต์จริง ๆ ก็มองย้อนกลับไปในช่วงก่อนเกิดวิกฤตในปี 2019 เรียกว่าตลาดยางรถยนต์ของประเทศไทยอยู่ในสถานะที่เรียกว่าดี จนเข้าสู่ปีนี้จากตัวเลขผลิตรถยนต์ของทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2 หลัก และบริดจสโตนก็มีทิศทางไปในทางที่เดียวกัน

ปัจจุบันตลาดยางรถยนต์ทดแทน (domestic) บริดจสโตนต้องการมีแชร์เพิ่มขึ้น 1-3% ขณะที่ตลาดรวมยางในประเทศเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 5-10% แต่ทั้งนี้ยังต้องจับตาปัจจัยลบ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องซัพพลาย ที่กำลังเป็นปัญหาที่ทางผู้ผลิตว่าจะรับมือกันอย่างไร

แต่ในส่วนของปัจจัยบวก ที่จะทำให้บริดจสโตนเติบโตนั้น มีอยู่ในแผนของการเจริญเติบโตในระยะกลางและระยะยาว ก็เป็นเรื่องของความยั่งยืน การที่เราประกาศในตัวพันธสัญญา ซึ่งเรามองว่าธุรกิจในอนาคต การเจริญเติบโตต้องมีปัจจัยของความยั่งยืนเป็นตัวสนับสนุน เพื่อจะได้รับความไว้วางใจจากคนรุ่นถัดไป

ดังนั้นประเทศไทย บริดจสโตนเป็นผู้นำและมีความพร้อมในการผลิต และเรื่องของเทคโนโลยี ทั้ง 2 จุดแข็งทำให้เรามีเครือข่าย การขาย และการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ และก้าวต่อไป ๆ ของบริดจสโตน ประเทศไทย เราจะเสริมความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจภายใต้พันธสัญญา E8

สุดท้ายเมื่อถามถึงแผนการปรับขึ้นราคาจำหน่ายสินค้า ในยุคที่ต้นทุนการผลิตพุ่งสูงขึ้น นายใหญ่บริดจสโตน ประเทศไทย ให้คำตอบชัดเจนว่า ปัจจุบันบริดจสโตนมีการแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไว้อยู่แล้ว แต่ว่าอนาคตจะมีการปรับราคาขึ้นไหม เป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง และบริดจสโตนไม่สามารถทำนายเรื่องต้นทุนของวัตถุดิบได้ จึงไม่สามารถตอบได้ว่าเราจะปรับขึ้นหรือลงหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมและราคาวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนพลังงาน หรือวัตถุดิบเอง

โดยเฉพาะปัจจัยที่ไม่สามารถทำนายได้ก็คือเรื่องพลังงาน ราคาต้นทุนของวัตถุดิบ ซึ่งจะต้อง “มอนิเตอร์” อย่างใกล้ชิดนั่นเอง