รถยนต์ไฟฟ้าค่ายจีนเปิดแนวรบบุกตลาดอีกระลอก BYD เปิดจองรอบใหม่ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมเสริมความแกร่งหลังบีโอไอไฟเขียวโรงงานแบตเตอรี่ ขณะที่ MG และเกรท วอลล์ฯ ลุยร่วมวงกระทุ้งตลาด มั่นใจปี 2566 ดันแชร์กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดทะลุ 5% ของตลาดรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา ต้องถือเป็นปีทองของอุตฯรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นอกจากจะมีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมตลาด ประกอบกับมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ตลาดรถอีวีในไทยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยตัวเลขยอดขายสูงถึง 25,000 คัน จากเดิมที่แต่ละปีมีเพียงจำนวนหลักร้อย มากสุดแค่หลักพันคัน
ซึ่งหากย้อนกลับไปดูความนิยมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2555 กรมการขนส่งทางบก รายงานว่า ประเทศไทยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแค่ 172 คัน ปี 2561 มีเพียง 325 คัน ส่วนในปี 2562 ทำได้แค่ 1,572 คัน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการผลิต ซึ่งแต่ละโรงงานเจอผลกระทบจากปัญหาขาดเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนหลายยี่ห้อประกาศปิดรับจองและลากยาวข้ามปี
BYD เปิดรับจองรอบใหม่
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมบิล จำกัด ตัวแทนจำหน่าย BYD ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 ก.พ. 2566 บริษัทเตรียมเปิดรับจองรถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 อีกครั้งทุกโชว์รูมทั่วประเทศ หลังจากที่บริษัทได้รับการจัดสรรโควตารถรุ่นดังกล่าวจากบริษัทแม่มาอีกลอตใหญ่ เป็นจำนวน 7,000 คัน และคาดว่าจะส่งมอบได้ราวช่วงก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ในเดือน เม.ย.นี้อย่างแน่นอน
ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ประกาศหยุดรับจองชั่วคราวไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2565 ซึ่งทำยอดจองรวมครบ 10,000 คันตามโควตา ทั้งนี้การเปิดรับจองครั้งนี้บริษัทยืนยันว่า BYD ATTO 3 ยังเป็นราคาเดิม ซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ BYD ATTO 3 Extend Range ราคา 1,199,900 บาท และ BYD ATTO 3 Standard Range ราคา 1,099,900 บาท
เพิ่มความเชื่อมั่นลูกค้า
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา บอร์ดบีโอไอยังไฟเขียวอนุมัติโครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ของบริษัท บีวายดี ออโต้ คอมโพเนนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 3,893 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในระยะยาว ทั้งการสร้างฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่ โดยเฉพาะสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ BYD ในอนาคต
MG โดดร่วมวง
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ปีหน้าว่า MG จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากฐานการผลิตรถยนต์ในจังหวัดระยอง โดยกำลังศึกษาแนวโน้มและความต้องการของลูกค้าชาวไทยว่ารุ่นใดเหมาะสม ปีที่ผ่านมา MG ได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล
มีรถอีวีเข้าร่วม 3 รุ่น อาทิ MG ZS (EV), MG EP และ MG4 สามารถทำยอดจองได้สูงถึง 10,000 คัน แต่บริษัทแม่ซัพพลายรถให้ไม่ทัน ทำให้ส่งมอบได้แค่ 6,000 คัน ยังเหลืออีกกว่า 4,000 คัน น่าจะส่งมอบได้หมดภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
“เราทำตลาดมา 3 ปี ส่งมอบรถอีวีไปแล้วกว่า 7,000 คัน เป็นผู้นำในตลาดนี้ควบคู่ไปกับความพยายามเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ จากที่มีอยู่ในศูนย์บริการ MG ทั้งประเทศแล้ว ยังมีตามปั๊มบางจากอีก 40 กว่าแห่ง และอนาคตตั้งใจว่าจะให้มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ MG อย่างน้อย ๆ ทุก 150 กิโลเมตร สัดส่วนการขายรถอีวีเราโตทุกปี และเรามั่นใจว่าในปี 2573 สัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้าของ MG จะอยู่ที่ 50% ของยอดขาย จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 15-20%”
เกรท วอลล์ฯ เล็งส่งเพิ่ม 4 รุ่น
ด้านนายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เหนือระดับยิ่งขึ้น สร้างสรรค์กิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ตลอดจนสานต่อพันธกิจที่จะนำรถยนต์อีก 4 รุ่นเข้ามาเปิดตัวเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัย อัจฉริยะ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับตลาดเมืองไทย
“ปีที่แล้วเราขาย ORA Good Cat ได้มากถึง 4,326 คัน โดยในจำนวนนี้เป็นยอดขายและส่งมอบในเดือนธันวาคมถึง 1,610 คัน สร้างสถิติยอดขายรายเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา”
และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เกรท วอลล์ฯ จะเร่งขยายเอาต์เลตและสถานีชาร์จเพิ่มเติม จากปี 2565 ที่สามารถขยายเครือข่าย GWM Store ทั้งแบบ direct store และ partner store ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศได้สูงถึง 62 แห่ง และกำลังก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 18 แห่ง
ขณะที่การขยายสถานีชาร์จ ได้เร่งดำเนินการแต่งตั้งผู้ดำเนินการสถานีชาร์จได้ครบ 55 แห่ง ตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงสถานีชาร์จแบบชาร์จเร็วที่มีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 120 กิโลวัตต์ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงตลอดทั้ง 7 วัน และให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทุกรุ่นทุกยี่ห้ออีกด้วย
เชื่อ 3 ปีอีวีทะลุ 3 แสนคัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลาดรถอีวีที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2565 ทำยอดขายได้สูงถึง 25,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนของตลาดรวมรถยนต์ 2.5-3% และจากการเปิดรับจองรอบใหม่ รวมทั้งความพร้อมที่จะส่งรถอีวีรุ่นใหม่ ๆ ลงตลาด ทำให้ผู้ประกอบการหลายค่ายต่างมั่นใจว่า ปี 2566 ตลาดอีวีจะโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือมีสัดส่วนยอดขายขึ้นไปแตะระดับ 5-6%
เช่นเดียวกับศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า จากผลของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่ออกมาได้ถูกจุด ทั้งการให้เงินอุดหนุนและการลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะไปสิ้นสุดปี 2568 น่าจะทำให้ผู้บริโภคมีการเร่งซื้อรถอีวีเพิ่มขึ้น และมีผลทำให้จำนวนรถอีวีแบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ในประเทศไทย มีโอกาสที่ยอดสะสมเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 300,000 คันในปี 2568
ด้วยสัดส่วนของรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ต่อรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ 100% ที่ 40 : 60 และยังประเมินว่าจำนวนช่องจอดรถสำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้าในที่สาธารณะทั่วประเทศในปี 2568 ที่เหมาะสมต้องมีสะสมไม่น้อยกว่า 19,000 ช่องจอด ถึงจะเพียงพอต่อปริมาณรถอีวีสะสม