“เนต้า” ปลื้มส่งมอบทะลุ 5 พัน ผนึกโรงงานแบตปั้นฮับ EV พวงมาลัยซ้าย/ขวา

NETA S

“เนต้า” ประกาศใช้สิทธิประโยชน์ภาษีเต็มสูบ หลังเตรียมขึ้นไลน์ผลิตรถอีวี NETA V ไตรมาสแรกปี 2567 มั่นใจปีแรกผลิต 10,000 คัน ทันใช้คืนตามเงื่อนไข 1 ต่อ 1 เล็งรับเงินสนับสนุนภาษีคันละ 150,000 บาทอีกเด้ง

นายเป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้า ความร่วมมือกับกลุ่ม “พระนครยนตรการ” เพื่อใช้โรงงานประกอบรถยนต์ บริษัท บางชัน เยนเนอเรล เอเซมบลี จำกัด ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถอีวี ให้กับเนต้านั้น ขณะนี้รายละเอียดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิต NETA V ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 อย่างแน่นอน

“สัญญาจ้างเราทำ 5 ปี ตอนนี้คืบหน้าไปกว่า 60-70% แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ 1.การเตรียมความพร้อมของอาคาร สถานที่ และเครื่องจักรต่าง ๆ 2.การดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานภาครัฐ เพื่อของเอกสารและใบรับรองต่าง ๆ โดยเรื่องของ IEAT หรือมาตรฐานสิ่งแวดล้อม รวมทั้งใบอนุญาต ใบรับรองต่างเพื่อใช้ในการยื่นต่อกรมศุลกากร

และ 3.คือส่วนที่ยากที่สุดคือการจัดการซัพพลายเออร์ เพื่อให้ได้โลคอลคอนเทนต์อย่างน้อย 40% ถึงวันนี้เราลงทุนไปไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาพื้นที่เพื่อจะก่อสร้างโชว์รูมหรือแฟลกชิปสโตร์ต้นแบบ มูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท”

นายจ้วงเฟยยังกล่าวต่อไปว่า บริษัทตั้งเป้าใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถอีวีพวงมาลัยขวา และพวงมาลัยซ้ายในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังประเทศไทยต่าง ๆ นั้น เนต้าต้องการใช้ชิ้นส่วนในการผลิตรถภายในประเทศไทยให้ได้มากกว่า 50% และยังรวมไปถึงการใช้แบตเตอรี่รถอีวีจากแหล่งผลิตในประเทศไทยด้วย ตอนนี้เจรจา 3-4 รายในประเทศไทย เฟสแรกเป็นเซลล์แพ็กก่อน ปี 2567-2568 จากนั้นเฟสที่ 2 ก็จะเป็นโมดูลเซลล์

ส่วนยอดการส่งมอบ NETA V ตั้งแต่ลอตแรกในเดือนธันวาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน มียอดส่งมอบไปแล้วกว่า 5,000 คัน ในช่วง 3 เดือนแรก คือ มกราคม-มีนาคม 2566 มียอดจดทะเบียนรถ NETA ไม่มากนั้น ส่วนเงินสนับสนุนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 150,000 บาทนั้น บริษัทยังไม่รับรับคืนจากสรรพสามิตปกติจะจ่ายคืนเป็นรายไตรมาส ดังนั้นจะได้รับเงินคืนในช่วงไตรมาส 3 เป็นลอตแรก

นอกจากนี้ ในด้านการผลิต NETA ในไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะเริ่มได้แน่นอน เป้าการผลิต 10,000 คัน เพื่อชดเชยและใกล้เคียงกับจำนวนรถ NETA ที่นำเข้าซึ่งจะต้องผลิตคืนในสัดส่วน 1 ต่อ 1 และยังจะได้รับสิทธิประโยชน์สนับสนุนด้านภาษีด้วย

“เรามีแผนผลิตรถอีวีรุ่นอื่น ๆ เสริมทัพด้วย เช่น minicommercial รวมไปถึงของ B-SUV ด้วย”

“ที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถยนต์อีวีค่อนข้างดีและน่าสนใจ ซึ่งหากผู้ประกอบการ ทำได้ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลไทยกำหนด ก็จะถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เท่ากับการช่วยเร่งสร้างดีมานด์ให้เกิดขึ้นอย่างมั่นคง และซัพพลายก็จะมาสอดรับกันพอดี เนต้าเองก็พยายามจะทำทุกอย่างให้อยู่ตามเงื่อนไขที่น่าสนใจและเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของประเทศไทย”


ตามนโยบายที่บริษัทต้องการใช้ไทยเป็นฮับในการผลิตรถอีวีทั้งพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศไทย และบริษัทตั้งเป้าว่าก่อนไตรมาส 4 ของปี 2567 จะสามารถผลิตรถอีวีจากโรงงานประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังเวียดนามและอินโดนีเซียได้ ภายใต้สิทธิประโยชน์ของอาเซียนหลังจากบริษัทแม่ คือ บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด ได้เริ่มเข้าไปเซตอัพธุรกิจและเตรียมทำตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2567