สรรพสามิต ยันเงินอุดหนุนซื้อ EV 4.7 หมื่นล้านถึงมือค่ายรถทันตามกำหนด

รถอีวี

“สรรพสามิต” มั่นใจเงินอุดหนุนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ทั้ง 2 ระยะ 4.7 หมื่นล้านถึงมือค่ายรถตามกำหนด ระบุเฉพาะ EV 3.5 ทั้งโครงการมากกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท

วันที่ 24 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการเบิกคืนเงินอุดหนุนซื้อรถ EV ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ทั้งระยะแรก หรือ EV 3.0 (สูงสุด 1.5 แสนบาทต่อคัน) และระยะที่สอง หรือ EV 3.5 (สูงสุด 1 แสนบาทต่อคัน) ซึ่งค่ายรถสามารถนำไปหักกับราคาขาย แล้วนำเอกสารหลักฐานการซื้อขาย รวมทั้งการจดทะเบียนเสียภาษีประจำปีของรถยนต์แต่ละคัน ตั้งเบิกคืนกับทางกรมสรรพสามิต ซึ่งมีประเด็นจ่ายคืนช้ามาอย่างต่อเนื่อง

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายภาคภูมิ ตันธนศรีกุล เลขานุการ กรมสรรพสามิต ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การจ่ายเงินอุดหนุนรถ EV นั้น กรมจะจ่ายเป็นรายไตรมาส หรือทุก ๆ 3 เดือน โดยขณะนี้วงเงิน 3,000 ล้านบาทแรก ในโครงการ EV 3.0 จ่ายไปหมดแล้ว ขณะที่ในปีงบประมาณ 2567 กรมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายอีก 3,000 ล้านบาท รวมถึงจะมีเงินงบฯกลางอีก 7,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินอุดหนุน EV 3.0

ส่วนโครงการ EV 3.5 ที่ขณะนี้มีค่ายรถทยอยเข้ามาลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) แล้ว ทั้งค่ายฉางอาน, เอ็มจี และเกรท วอลล์ฯ ซึ่งทั้ง 3 ค่ายนี้ก่อนหน้านี้ได้เข้าร่วม EV 3.0 มาอยู่แล้ว เป็นการมาต่อยอดไปสู่ EV 3.5

“ในส่วนเงินอุดหนุน EV 3.5 เราก็จะมีงบฯกลางอีก 7,000 ล้านบาท เตรียมไว้รองรับ ดังนั้นไม่ว่าโครงการไหนมาก่อน ก็จ่ายอุดหนุนได้ทั้งหมด” นายภาคภูมิกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เคยกล่าวว่า ยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมลงนามในข้อตกลงรับสิทธิตามมาตรการ EV 3.5 โดยมีการคาดการณ์การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากมาตรการ EV 3.5 ประมาณ 175,000 คัน ในปี 2567-2568 ส่งผลให้เกิดการผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ประมาณ 350,000-525,000 คัน ภายในปี 2570 โดยมียอดประมาณการเงินอุดหนุนในมาตรการ EV 3.5 ทั้งโครงการอยู่ที่ 34,060 ล้านบาท

มั่นใจว่ามาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จะทำให้มีการเปลี่ยนผ่านอุตฯยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตฯยานยนต์ไฟฟ้า สามารถรักษาฐานการผลิตยานยนต์ของประเทศไทยให้สอดรับกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ และสามารถขยายโอกาสประเทศไทยในเวทีโลก และที่สำคัญจะสอดรับกับเป้าหมายการผลิตและใช้ยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2573