BYD แตกพรีเมียมแบรนด์ ส่งเอ็มพีวีหรู DENZA ท้ารบรถตู้ผู้บริหาร

BYD Denza

เรเว่ ออโตโมทีฟ-BYD เดินสายเฟ้นหาเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์เพิ่ม เตรียมปั้นแบรนด์ “DENZA” รถ MPV เสริมทัพอีกแบรนด์ ระบุแยกเป็นสแตนด์อะโลนโชว์รูม มั่นใจดันยอดขายทะลุ 5 หมื่นคันในปีนี้ ขึ้นท็อป 5 อุตฯรถยนต์

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ว่า กำลังเตรียมความพร้อมนำรถ EV แบรนด์ DENZA เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพื่อเสริมทัพและเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ในประเทศไทย

DENZA ถือเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์ของ BYD เป็น MPV รถเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ซึ่งจะมาชนกับอัลพาร์ดและเวลล์ไฟร์ รวมถึงแม็กซัส 9 ของแบรนด์ MG โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้นำรถเข้ามาจัดแสดงให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสบ้างแล้ว

“BYD พยายามแตกแบรนด์ออกไปเหมือนที่หลายคนคาดการณ์ไว้ แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะ รวมถึงการเฟ้นหาดีลเลอร์ เพื่อทำตลาดแบรนด์ DENZA ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้”

ขณะที่แผนการขยายเครือข่ายการจำหน่ายนั้น หลังจากปีที่ผ่านมา เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้ขยายสาขาเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ BYD ได้ครบ 100 สาขาทั่วประเทศแล้ว ในปี 2567 นี้ จะเดินหน้าเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ BYD อีกเท่าตัว หรือเพิ่มอีก 100 แห่ง รวมเป็น 200 แห่งภายในปี 2567 และตั้งเป้ายอดขายขึ้นไปแตะระดับ 50,000 คัน อยู่ท็อป 5 ของตลาดรถยนต์ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะใช้เวลา 5 ปีขึ้นไป และน่าจะไปได้ถึงระดับ 100,000 คันในอีกไม่นาน

ส่วนตัวเลขยอดจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก แยกตามประเภทเชื้อเพลิง แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์ รย.1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ในปี 2566 ที่ผ่านมา (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 75,690 คัน และ BYD มียอดจดทะเบียนเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน 30,467 คัน ขณะที่ยอดขายทำได้ 30,595 คัน

แหล่งข่าวยังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับแผนงานในการนำรถยนต์ MPV พรีเมี่ยม แบรนด์ DENZA เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้นั้น มีแนวคิดที่จะทำตลาดและสร้างแบรนด์ โดยแยกออก BYD อย่างชัดเจน

รวมทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการ ก็จะมีการจัดตั้งใหม่ แยกจากโชว์รูม BYD เช่นเดียวกัน โดยจะเปิดรับสมัครผู้แทนจำหน่าย จากดีลเลอร์ BYD เดิม ให้สมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟอย่าง DENZA และจะมีการลงทุนโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติม ในพื้นที่กรุงเทพฯเป็นหลักก่อนสัก 6 แห่งในเบื้องต้น

ส่วนแบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่างแบรนด์ Yangwang ที่เพิ่งเปิดตัวและทำตลาดไปในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา เป็นรถยนต์แบบ SUV เพื่อยกระดับแบรนด์นั้น อนาคตก็มีความเป็นไปได้ในการนำเข้ามาทำตลาดเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ BYD นั้น เรเว่ ออโตโมทีฟ ยังต้องลุ้นว่าจะนำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง BYD Seagul เข้ามาทำตลาดได้เร็วกว่าคาดการณ์เดิมหรือไม่ รวมถึงราว ๆ กลางปีนี้ก็จะมีการขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ในประเทศไทย ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยอดขาย BYD เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ไม่ยาก

ส่วนความคืบหน้าเข้าร่วมโครงการอีวี 3.5 คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้น่าจะสามารถเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับกรมสรรพสามิตได้เรียบร้อย