
คอลัมน์ : รายงาน ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ค่ายรถยนต์แบรนด์ VinFast (วินฟาสต์) แบรนด์จากประเทศเวียดนาม จะเป็นแบรนด์รถอีวีล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดบ้านเรา หลังจากเข้ามาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์โชว์ 2024 ที่ผ่านมา
ไม่รอช้า ทีมวินฟาสต์ ประเทศไทย ได้พา “ประชาชาติธุรกิจ” และสื่อมวลชนชาวไทยไปเยี่ยมชมบ้านเกิด และอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ โรงงานผลิตรถยนต์ที่เมืองไฮฟง เมืองฮานอย เวียดนาม
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า “วินฟาสต์” เป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมถึง “กล้า” ที่จะเข้าบุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้า
ไม่เท่านั้นยังกล้าที่จะท้าทาย มหาอำนาจยานยนต์ทั้งโลกเก่า อย่างญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกันแล้ว ยังพร้อมท้ารบกับยานยนต์โลกใหม่อย่าง รถอีวี จากจีน-เกาหลีด้วย
วินฟาสต์ ยานยนต์แห่งชาติ
วินฟาสต์ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มหลากหลายธุรกิจของ “วินกรุ๊ป” Vingroup หรือชื่อเดิมคือ เทคโนคอมกรุ๊ป ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1993 ในยูเครน โดยใช้ระยะเวลาในการพัฒนามานานกว่า 30 ปี จนเปลี่ยนมาเป็น วินกรุ๊ป
ที่ต้องบอกว่า คือบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 1.เทคโนโลยีและอุตสาหกกรรม 2.การค้าและบริการ 3.การกุศลเพื่อสังคม
ด้วยเป้าหมายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้มาตรฐานระดับโลก ภายใต้พันธกิจหลัก “สู่ชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน” ภายใต้การขับเคลื่อนของ Pham Nhat Vuong ประธานวินกรุ๊ป
หากจะไล่ลงรายละเอียดในแต่ละกลุ่มธุรกิจจะเห็นว่า ในส่วนของรถยนต์แบรนด์ วินฟาสต์ (VinFast) นั้น ใครจะเชื่อว่า วินกรุ๊ป ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 6 ปีเท่านั้น ในการพัฒนาและสร้างความฝันของคนเวียดนามให้ ก่อร่างสร้างตัว กลายเป็นยานยนต์แห่งชาติ โดยเขาเลือกที่จะลงหลักปักฐานใช้เมืองสร้างศูนย์การผลิตยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ในสวนอุตสาหกรรม Dinn Vu สร้างแผ่นดินผืนใหม่บนชายฝั่งของกั๊ตไห่ ด้วยการถมทะเล แล้วเนรมิตโรงงานขนาด 355 เฮกตาร์ หรือราว ๆ 2,000 ไร่ ด้วยการใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง และพัฒนารถยนต์ 3 รุ่นแรกในระยะเวลา 21 เดือนเท่านั้น
ผลิตรถยนต์-สกู๊ตเตอร์-บัสอีวี
ในพื้นที่โรงงานแห่งนี้มีทั้งโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ 300,000 คันต่อปี ปัจจุบันผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 7 รุ่น ครอบคลุมการผลิตรถยนต์เอสยูวีตั้งแต่ขนาด A ไปจนถึง E ได้แก่ มินิเอสยูวี VF 3 และ VF 5, VF e34, VF 6, VF 7, VF 8 และ VF 9
นอกจากรถยนต์แล้ว วินฟาสต์ยังมีการผลิตรถบัสอีวี และมีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า สกู๊ตเตอร์ อี แห่งแรกและแห่งเดียวในเวียดนาม ด้วยกำลังผลิตที่ 500,000 คันต่อปี กับ 5 โมเดล และยังมีการผลิต อีไบก์ เพื่อส่งออกไปยังตลาดอเมริกาด้วย
นอกจากนี้เพื่อให้ครบองคาพยพของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า วินฟาสต์ ภายใต้ วินกรุ๊ป ยังมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ จักรยานยนต์ของตัวเองด้วย
ภายในโรงงานผลิตรถยนต์วินฟาสต์เองนั้น มีการใช้เครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัย และใช้ระบบอัตโนมัติ เข้ามาช่วยในกระบวนการประกอบรถยนต์มากถึง 98% มีการใช้หุ่นยนต์แขนกลเข้ามาในโรงงานประกอบมากกว่า 1,200 ตัว
ในการเยี่ยมชมโรงงานประกอบครั้งนี้ เราเริ่มได้เห็นตั้งแต่กระบวนการผลิต ปั๊มขึ้นรูป ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ จนเข้าสู่ไลน์ประกอบตัวถัง การติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ การเก็บรายละเอียด รวมไปถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ ซึ่งเป็น “หัวใจสำคัญ” ของรถอีวี ก่อนที่รถจะถูกส่งไปยังกระบวนการสุดท้ายของการตรวจสอบ เก็บรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน ก่อนที่จะออกจากโรงงานผลิตเพื่อไปเสิร์ฟให้กับลูก
วางโรดแมปครบทุกอีโคซิสเต็ม
นอกจากนี้ วินกรุ๊ป ยังมองไปถึงระบบนิเวศการสัญจรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากรถยนต์ จักรยานยนต์ รถโดยสารอีวีแล้ว วินกรุ๊ป ยังได้วางโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จไฟฟ้า ด้วยการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไว้มากกว่า 150,000 แห่งทั่วประเทศเวียดนาม ขณะที่เครือข่ายการจัดจำหน่ายนั้นมี โชว์รูมถึง 89 แห่ง ศูนย์บริการ 63 แห่ง และยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24/7 ให้บริการซ่อมรถและชาร์จแบตเตอรี่เคลื่อนที่
ล่าสุดได้มีการจัดตั้ง บริษัท วินกรีน (V-Green) เพื่อมาดูแลการวิจัยพันธมิตรและสถานที่เพื่อจัดตั้งและขยายเครือข่ายสถานีชาร์จในตลาดโลกหลักของ วินฟาสต์ โดยนอกจากนี้ V-Green จะร่วมมือกับผู้ให้บริการบุคคลที่สามเพื่อให้บริการชาร์จสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า วินฟาสต์ และอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าจะเห็นความร่วมมือนี้ในประเทศไทยด้วย
เปิดอาณาจักร Vingroup
นอกจากความโดดเด่นในธุรกิจอุตสาหกรรมแล้ว วินกรุ๊ป ยังมีบริษัทในเครืออีกมากมายทั้ง วินเอไอ (VinAI) มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยเอไอ และพัฒนาแอปพลิเคชั่นปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของโลก, VinBigdata ให้บริการด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์ชั้นสูง ใช้สำหรับบิ๊กดาต้าและเอไอ VinBrand บริษัทผู้บุกเบิกทางด้านการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ สำหรับการวินิจฉัยโรค การรักษา การจัดการข้อมูลในโรงพยาบาล, VinCSS บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์, VinHMS บริษัทผลิต จำหน่ายซอฟต์แวร์ VinITIS บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศ
นอกจากนี้ ส่วนของธุรกิจการค้าและบริการ มี Vinhomes ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของเวียดนาม, Vinpearl บริการการท่องเที่ยว รีสอร์ต ศูนย์กลางความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันมีธุรกิจบริการ 42 แห่ง คอมเพล็กซ์การท่องเที่ยวบันเทิง 4 แห่ง ใน 17 จังหวัด โรงแรม 30 แห่ง มีห้องพักและวิลล่าเกือบ 20,000 ห้อง
สวนสนุก 6 แห่ง และสวนสนุก VinWonders 2 แห่ง สวนอนุรักษ์สัตว์กึ่งป่า 4 แห่ง สนามกอล์ฟ 4 แห่งในเวียดนาม และออสเตรเลียอีก 1 แห่ง และยังมี Vincom ห้างสรรพสินค้าในเครืออีกมากมาย
ส่วนองค์กรเพื่อสังคมนั้น วินกรุ๊ป ก็ยังมี Vinmec เป็นระบบวิชาการแพทย์ที่ไม่แสวงหากำไร มีโรงพยาบาล 7 แห่ง คลินิคสหสาขาวิชาชีพ 4 แห่ง รวมถึงโรงเรียน สถาบันการศึกษา อย่าง Vinschool อีก 5 แห่งในเวียดาม และ VinUni มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ รวมทั้ง VinBus ให้บริการขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ยังมีองค์กรการกุศลภายใต้ Vingroup ด้วย
ประเทศไทยคือ ความท้าทายบทใหม่
สำหรับประเทศไทย อย่างที่ทราบ วินฟาสต์ มีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาทำตลาด พร้อมตั้งเป้าหมายที่ท้าทายว่า ภายใน 2 ปี หรือปี 2568-2569 จะต้องมียอดขายในประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 20,000 คัน ส่วนปีนี้ถือเป็นปีแรกในการดำเนินธุรกิจ เป้าก็เรียกว่าท้าทายไม่น้อย 6,000 คัน กับโชว์รูมและศูนย์บริการ 30 แห่ง
ขณะที่รถรุ่นแรกที่จะเปิดตัว คือ VF 5 ซึ่งเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หลังเข้ามารับฟังเสียงสะท้อนจากลูกค้าชาวไทย เพราะเดิม วินฟาสต์ มีแผนจะเปิดตัว VF e34 เป็นรุ่นแรก ขณะที่แผนงานจะให้บริการซื้อรถ แยกแพ็กเกจเช่าใช้แบตเตอรี่ก็ถูกยก (เลิก) ไป
แต่ความมั่นใจที่ วินฟาสต์ ภูมิใจนำเสนอนอกจากโปรดักต์คุณภาพแล้ว ยังมีความมั่นใจบริการหลังการขาย ซึ่งจะเป็นจุดแข็งที่จะใช้มัดใจลูกค้าชาวไทย
สุดท้าย สิ่งที่ผู้โภคต้องการไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ “ความชัดเจนและความเชื่อมั่น” จากนี้ไปคงต้องรอดูกันว่า วินกรุ๊ป และวินฟาสต์ จะสามารถฝ่าแรงเสียดทาน และแบกรับความคาดหวัง และมาตรฐานของผู้ใช้รถอีวีบ้านเราไปได้ดีแค่ไหน เป็นเรื่องที่ชวนให้ติดตาม