มีงบ 2 ล้านบาท ซื้อรถ “เอสยูวี” รุ่นไหนดี?

ซื้อรถ เอสยูวี รุ่นไหนดี?

เห็นตัวเลขการขยายตัวของกลุ่มรถยนต์เอสยูวี ต้องบอกว่า ขาขึ้นของเขาจริง ๆ ทุกวันนี้ เทรนด์การใช้รถเทมายังกลุ่มนี้ทั้งหมด ใครไม่ขับรถยนต์แนวครอสโอเวอร์ ดูจะเชยกันเลยทีเดียว

ฉบับนี้ขออนุญาตรวบรวมบรรดาค่ายรถยนต์ที่มีรถเอสยูวีอยู่ในมือที่ต่างออกมาแข่งขันทำตลาดกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ ออปชั่น เทคโนโลยี สมรรถนะ และราคา

มาดูกันว่า 6 แคนดิเดต เอสยูวี ที่คัดเลือกด้วยเงื่อนไขพิกัดราคา 2 ล้าน ในบ้านเรามีคันไหนน่าใช้กันบ้าง?

1. มาสด้า CX-8 ราคา 1.599-2.069 ล้านบาท

SUV มาสด้า CX-8

ถ้าคุณกำลังมองหารถเอสยูวีขนานแท้ ที่มีความโดดเด่นเรื่องของความกว้างขวาง CX-8 ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่ตอบโจทย์ในด้านนี้ได้เป็นอย่างดี โดย CX-8 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน 2.5 ลิตร 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร 190 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยทุกรุ่นจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ยกเว้นรุ่นท็อปเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นแบบ all wheel drive

ในขณะที่ห้องโดยสารมีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 ตอน 7 ที่นั่ง และในรุ่นท็อปสุดของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล จะเป็นเบาะนั่งแบบ 3 ตอน 6 ที่นั่ง ซึ่งสามารถโดยสารได้จริงอย่างสะดวกสบาย ทั้งยังได้ความพรีเมี่ยมจากการตกแต่งภายในที่ใช้เป็นวัสดุหนังคุณภาพสูง พร้อมผิวสัมผัสแบบ soft touch ประกอบกับความหรูหราของลายไม้บริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตู

นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้านความปลอดภัย อาทิ ระบบ radar cruise control/ระบบเตือนจุดอับสายตา (ABSM)/ระบบเตือนการชนด้านหน้า (SBS) และขณะถอยหลัง (RCTA)/ถุงลมนิรภัย 6 จุด และกล้องมองภาพ 360 องศา

Mazda CX-8 มาพร้อมค่าตัวเริ่มต้น 1,599,000-2,069,000 บาท โดยนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย พร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และฟรี ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 10 ครั้ง/100,000 กิโลเมตร จากมาสด้าประเทศไทย

ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ อรรถประโยชน์ในการใช้งาน และความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร รวมถึงราคาที่ถือว่าเปิดตัวมาได้น่าสนใจขนาดนี้ ทำให้มาสด้า CX-8 ติดโผ 6 แคนดิเดตของเราไปเป็นเจ้าแรก

2. เปอโยต์ 3008 ราคา 1.559-1.699 ล้านบาท

SUV เปอโยต์ 3008 ราคา 1.559-1.699 ล้านบาท

เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากกระโดดข้ามจากรถญี่ปุ่น มาใช้รถยุโรปกับเปอโยต์ รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ที่เปลี่ยนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายใหม่ มาอยู่กับทางเครือ MGC-Asia ซึ่งได้เริ่มนำทัพด้วยการส่งรถยนต์ SUV 2 รุ่น คือ 3008 และ 5008 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยเราจะขอนำเอาเปอโยต์ 3008 มาพูดถึง เพราะหากดูจากทรงตัวรถ จะดูเป็นรถเอสยูวีมากกว่าตัว 5008 ที่ดูจะเป็นสไตล์เอ็มพีวีซะมากกว่า

สำหรับเปอโยต์ 3008 ฟิลลิ่งคือรถยุโรปที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบเบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 167 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า

ด้านการออกแบบตัวรถมีเส้นสายที่ดูแปลกตากว่าค่ายอื่น ๆ ซึ่งตัวรถรอบคันจะมีลักษณะงานดีไซน์ที่โมเดิร์น แต่ยังคงมัดความบึกบึนของความเป็นเอสยูวีที่แฝงความหรูหรา

ด้านหน้า มาพร้อมกับชุดไฟหน้าดีไซน์เท่ แบบ LED ที่ตัวโคมจะแบ่งดวงไฟแยก 2 ดวง ติดตั้งเคียงคู่กระจังหน้าโครเมี่ยม และด้านหลังมีดีไซน์ที่ค่อนข้าง minimal ด้วยโคมไฟท้าย LED แบบขีด 3 แถบแนวตั้ง ที่มีความตั้งใจให้ดูคล้ายกรงเล็บสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์

ส่วนงานดีไซน์ภายในก็ยังให้อารมณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเส้นสายการออกแบบของอุปกรณ์ในจุดต่าง ๆ อาทิ คันเกียร์/พวงมาลัย multifunction แบบ 2 ก้าน สไตล์หัวตัดตูดตัดเหมือนเครื่องบิน และปุ่มกดบนแผงคอนโซลสไตล์ piano button

ขณะเดียวกันก็มาพร้อมเทคโนโลยี หน้าจอระบบความบันเทิงแบบ touch screen ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto/การปรับโหมดการขับขี่ drive mode ตลอดจนหน้าจอมาตรวัดแบบ full digital display ขนาด 12.3 นิ้ว

นอกจากนี้ ยังให้หลังคาเป็น panoramic sunroof อีกด้วย เครื่องยนต์แบบเบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 167 แรงม้า เปอโยต์ 3008 มีให้เลือก 2 รุ่น Active กับ Allure ที่ตั้งราคาไว้ตั้งแต่ 1,559,000-1,699,000 บาท โดยนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย มาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร จากเปอโยต์ไทยแลนด์

3. ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ราคา 1.33-1.55 ล้านบาท

SUV ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ราคาซูบารุถือเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะ ทั้งเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ซึ่งในยุคก่อน การที่จะจับต้องเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ได้ ก็คงต้องมีเงินในระดับ 2 ล้านบาทขึ้นไปอย่างแน่นอน เพราะว่าเป็นการนำเข้ามาทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น

แต่ฟอเรสเตอร์ในยุคนี้ ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด (Gen 3) ที่จำหน่ายในบ้านเรา ได้ย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในประเทศไทยแล้ว ส่งผลให้รุ่นท็อปสุด อย่างรุ่น 2.0 i-S Eyesight AWD+GT Edition ที่จัดเต็มด้วยชุดแต่งรอบคัน/หน้าจอความบันเทิงแบบ touch screen ขนาด 8 นิ้ว

แพ็กเกจระบบช่วยเหลือการขับขี่ Eyesight และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบนอน Boxer 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา symmetrical AWD

พร้อมการปรับโหมดการขับขี่ drive mode ถูกเคาะราคาออกมาแค่ 1,550,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 3 ปี จากซูบารุไทยแลนด์

ในขณะที่ใครไม่สนใจชุดแต่ง และระบบอะไรมากมาย หากเลือกรุ่นเริ่มต้น ฟอเรสเตอร์ 2.0i-L ก็จะมาในราคาแค่ 1,330,000 บาท ซึ่งแม้หน้าตาของเจ้าฟอเรสเตอร์ จะดูไม่ค่อยทันสมัยเท่าไหร่ ด้วยสมรรถนะของแบรนด์ซูบารุและชื่อเสียงของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD กับความกว้างขวางใหญ่โตของห้องโดยสาร

4. เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA ราคาเริ่มต้น 1.999-2.410 ล้านบาท

GLA ราคาเริ่มต้น

ข้ามฝากมาที่ฝั่งรถยุโรปขวัญใจคนไทยกันบ้าง เริ่มจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA ราคาเริ่มต้น 1.999-2.410 ล้านบาท ขนาดอาจจะดูกะทัดรัดไปนิด แต่ทั้งแบรนด์และสมรรถนะไม่เป็นรองใคร มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น โดยรุ่นเริ่มต้นตั้งราคาไว้ต่ำกว่า 2 ล้าน ตัว 200 Urban ในขณะที่ตัวท็อป GLA 250 AMG Dynamic กระโดดข้าม 2 ล้านไปที่ 2,410,000 บาท

โดยเครื่องยนต์ในรุ่น GLA 200 Urban เป็นขุมพลังเบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที ส่วนในรุ่น GLA 250 AMG Dynamic เป็นขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที

โดยทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 7G dual clutch ขับเคลื่อนล้อหน้า และสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA เป็นตัวที่ประกอบในประเทศไทย

5. BMW X1 sDrive 1.969-2.529 ล้านบาท

BMW X1 SUV

สำหรับ BMW ที่เราขอแนะนำ BMW X1 ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่น X1 sDrive18i ราคา 1,969,000 บาท โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบ 136 แรงม้า ที่ 4,400-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด dual clutch ขับเคลื่อนล้อหน้า

ส่วนรุ่น X1 sDrive18d xLine ราคา 2,329,000 บาท โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 150 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ steptronic ขับเคลื่อนล้อหน้า

ยังมี X1 sDrive20d M Sport ราคา 2,529,000 บาท มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 190 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ sport steptronic

ขับเคลื่อนล้อหน้า บีเอ็มดับเบิลยู X1 ตัวรถประกอบในประเทศไทย มาพร้อม BSI standard รับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และฟรีค่าบำรุงรักษา BSI นาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร จากบีเอ็มดับเบิลยูไทยแลนด์

6. วอลโว่ XC40 ราคา 2,090,000 บาท

วอลโว่ SUV XC40

ตัวสุดท้ายเป็น วอลโว่ XC40 เปิดราคา ใส่ออปชั่น และเครื่องยนต์ที่แรงกว่าชาวบ้านมาได้น่าสนใจ อย่างครอสโอเวอร์ Volvo XC40 ที่มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ T4 Momentum เครื่องยนต์เบนซิน Drive-E 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 190 แรงม้า ที่ 4,700 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,000 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 2,090,000  บาท เกิน 2 ล้านไปนิด แต่น่าสนใจมาก ๆ

ส่วนถ้าเป็นรุ่น T5 AWD R-Design และ T5 AWD Inscription ที่ต่างกันด้วยดีไซน์การตกแต่ง แต่เครื่องยนต์เดียวกันเป็นแบบเบนซิน Drive-E 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 252 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 2,490,000  บาท

เพียบด้วยระบบด้านความปลอดภัย ระบบป้องกันการชน city safety พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ/ระบบเตือนจุดอับด้านข้าง BSM/ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ/ระบบแจ้งเตือนเว้นระยะห่างจากคันหน้า distance alert/ระบบเตือนด้วยแรงสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกช่องจราจร lane keeping aid/ระบบป้องกันเมื่อเกิดการวิ่งตกถนน run-off protection/ถุงลมนิรภัย 7 จุด/กล้องมองภาพขณะถอยจอด

วอลโว่ XC40 มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ warranty 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Volvo Assistance 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี

ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ยี่ห้อไหนตัดสินใจได้เลย ซื้อตอนนี้ราคาต่อรองได้ แถมยังมีข้อเสนอพิเศษอีกเพียบ

ขอบคุณข้อมูล


www.carzanova.com