โรงงาน “ฟอร์ด-มาสด้า” ปิด 10 วัน ชิปขาด-โควิดยังลาม “โตโยต้า” เหลือผลิตวันละกะ

ปัญหาชิป-ชิ้นส่วน-แรงงานติดโควิดยังป่วนค่ายรถยนต์ไม่เลิก โรงงานเอเอที. ประกาศหยุดผลิต “ฟอร์ด-มาสด้า” 10 วัน รอชิ้นส่วนจากมาเลย์ ยอมจ่ายชดเชย 80% ด้าน “โตโยต้า” สางปัญหาคลัสเตอร์โรงงานไทยแอโรว์ลงตัว กลับมาเดินเครื่องผลิตทั้ง 3 โรงงาน ได้วันละหนึ่งกะ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานสถานการณ์การผลิตรถยนต์ในประเทศในขณะนี้ว่า ยังไม่ราบเรียบเท่าที่ควรจากปัญหารุมเร้าหลายด้าน ตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด การขาดแรงงานเพราะติดเชื้อทั้งผู้ผลิตเองและผู้ผลิตชิ้นส่วน ปัญหาขาดแคลนชิปจากต่างประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งอาจจะทำการผลิตกระท่อนกระแท่นหยุดบ้างปิดบ้างตามสถาณการณ์

ซึ่งมีให้เห็นต่อเนื่องทั้งโตโยต้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ ล่าสุด บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ โรงงาน เอเอที ผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ดและมาสด้า ได้ประกาศหยุดไลน์ผลิตรถยนต์เป็นระยะเวลา 10 วันระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-3 ก.ย. 2564 และ 6-10 ก.ย. 2564 นี้ โดยยืนยันจ่ายชดเชยให้พนักงาน 80% ในช่วงที่หยุด

นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาคการผลิต ซึ่งการหยุดผลิตที่โรงงานของออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) เป็นเวลา 10 วัน ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน และ 6-10 กันยายน จะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและเป็นผลกระทบในระยะสั้นต่อปริมาณรถในตลาดประเทศไทย ฟอร์ดยังคงมุ่งมั่นพยายามมองหาแนวทางในการรักษาความต่อเนื่องในการผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลกให้แก่ผู้จำหน่ายและลูกค้า

ส่วนสถานการณ์ด้านการตลาด ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีฟอร์ดมีอัตราการเติบโตโดยรวมสูงที่สุดในอุตสาหกรรม 33% ขณะที่ในตลาดรถปิกอัพ ฟอร์ดโตขึ้นมากที่สุดถึง 38% อย่างไรก็ดี จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างเข้มข้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ฟอร์ดคาดว่าอาจจะส่งผลให้ยอดขายรวมของตลาดรถยนต์ลดจากเป้าหมายในช่วงต้นปีลงมาอยู่ที่ประมาณ 750,000 คัน โดยยังได้รับแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มรถกระบะซึ่งยังมีความจำเป็นต่อภาคธุรกิจ

“โรงงานเอเอที นั้น มีการประกาศ หยุดไลน์ผลิตชั่วคราวจริง ทั้งนี้เป็นผลกระทบหลัก ๆ มาจากเนื่องจากการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องในประเทศมาเลเซีย ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณชิ้นส่วนที่จำเป็นต่อการผลิต ทำให้สายการผลิตมีปัญหา แต่ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ของฟอร์ดที่โรงงานเอฟเอ็มที จ.ระยอง นั้นยังเดินเครื่องได้ตามปกติและไม่ได้รับผลกระทบจากตรงนี้แต่อย่างใด”

เช่นเดียวกับนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้าเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” แม้จะมีการประกาศหยุดผลิตจริง แต่เป็นการประกาศหยุดงานตามรอบระยะเวลา มาสด้ายืนยันว่า ไม่ได้ส่งผกระทบต่อการผลิตและการจัดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า ให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากมาสด้าสต๊อกเพียงพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มในส่วนของค่ายโตโยต้า ที่สะบักสะบอมจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้โรงงานผลิตสายไฟของไทยแอร์โรว์ ถูกสาธารณะสุขจังหวัดฉะเชิงเทราสั่งปิดโรงงานชั่วคราวเนื่องจากพนักงงานติดโควิดจำนวนมาก ทั้งยังส่งกระทบต่อการผลิตชิ้นส่วน (ชุดสายไฟ) ป้อนให้กับโรงงานโตโยต้า จนเป็นเหตุให้ ต้องประกาศหยุดผลิตรถยนต์ชั่วคราวทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานสำโรง จ.สมุทรปราการ, โรงงานบ้านโพธิ์และโรงงานเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา

ล่าสุดแหล่งข่าวจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้โรงงานผลิตรถยนต์ของโตโยต้าได้กลับมาผลิตครบแล้วทั้ง 3 แห่ง โดยโรงงานสำโรงและบ้านโพธิ์ เริ่มผลิตไปเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา และล่าสุด โรงงานเกตเวย์ เพิ่งเริ่มผลิตไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมาแต่ยังไม่เต็มกำลัง ปัจจุบันยังทำแค่วันละ 1 กะเท่านั้น

“ซัพพลายเออร์ยังกลับมาผลิตได้ไม่เต็ม 100% แรงงานยังขาดจำนวนหนึ่ง แม้จะมีการรับคนเพิ่มแต่ก็มีขั้นตอน ในการขออนุญาตจาก ศบค.ในพื้นที่ เชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ส่วนรถรุ่นใหม่ทั้งฟอร์จูนเนอร์และรีโว่ ที่เพิ่งเปิดตัวไม่น่าจะกระทบหรือรอนานมากเพราะตอนนี้เริ่มผลิตได้แล้วและสถานการณ์น่าจะดีขึ้นตามลำดับ”