ฮอนด้า ซิตี้ 1 ลิตร เทอร์โบ คันนี้ (ต้อง) ซื้อ “ขับดี ขับสนุก”

หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมา “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้ไปสัมผัสฮอนด้า ซิตี้ เจน 5 ไปแล้วครั้งหนึ่งสั้น ๆ ในแทร็กของฮอนด้าที่โรงงานปราจีนบุรี

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานฮอนด้าชักชวนขึ้นไปยัง จ.เชียงราย เพื่อสัมผัสประสบการณ์กับรถคันนี้ บนเส้นทางการใช้งานจริง รวมระยะทาง 200 กิโล

ไม่พูดพล่าม หลังจากฟังทีมวิศวกรให้ข้อมูลของรถเเล้ว เราจะทดสอบในเส้นทางเมืองเชียงราย มุ่งขึ้น อ.เชียงของรถซิตี้ที่เราได้ทดสอบเป็นตัวท็อป รุ่น RSที่ฮอนด้านำรถคันนี้มาแต่ง เพื่อเสริมลุกให้ความสปอร์ต หรูหรา ด้วยชุดแต่งรอบคัน

ตั้งแต่กระจังหน้า-หลัง แบบ gloss black ติดสัญลักษณ์ RS กันชนหน้า กระจังหน้าทรงสปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ แบบ LED กระจกมองข้างมีดำแบบสปอร์ต พร้อมไฟเลี้ยวล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ห้องโดยสารออกแบบใหม่หมด เน้นโทนสีดำ เบาะหนังกลับเดินด้วยด้ายสีแดง ออกแบบใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับกับสรีระของผู้โดยสารได้มากขึ้นให้ความรู้สึกสบายขึ้น

จากการสอบถามทีมวิศวกรตรงนี้เป็นผลมาจากการปรับเบาะที่นั่งด้านหลังจากรุ่นเดิมที่สามารถพับลงมาได้ เป็นติดตั้งแบบถาวร ทำให้การออกแบบเบาะที่นั่งสามารถเพิ่มความหนาของเบาะเพื่อรองรับและให้ความกระชับได้มากขึ้นนั่นเอง

ส่วนออปชั่น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีติดมาให้ครบครัน

สิ่งที่เติมขึ้นมาในรุ่น RS เริ่มตั้งแต่แพดเดิลชิฟต์, ครุยส์คอนโทรลที่พวงมาลัย ลำโพง 8 จุด ม่านถุงลมนิรภัย ส่วนเบาะที่นั่งด้านหลังเพิ่มที่วางแขน พร้อมช่องวางแก้วน้ำมาให้ และระบบเชื่อมต่อ Honda Connect

เริ่มทดสอบ ขอเป็นผู้ขับขี่มือแรก เครื่องยนต์ 1 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาทีเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

ในช่วงแรก ลองกดแป้นคันเร่งเรียกความเร็ว ถึงกับต้องประหลาดใจเครื่องยนต์สามารถตอบสนองในทันที

พวงมาลัยกระชับมือ ลองกดเรียกความเร็วไป 3-4 ครั้ง บอกเลยว่ามาทันใจ พวงมาลัย กระชับมือ คม แม่นยำ ไว้ใจได้ ส่วนระบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้มาแทบจะไม่ได้ใช้งานในการทดสอบครั้งนี้ นอกจากการปรับลดระดับของเครื่องเสียง

ขับออกมาสักพัก เพื่อจับความรู้สึกในเรื่องของความเงียบภายในห้องโดยสาร ซึ่งฮอนด้าได้นำเทคโนโลยีการฉีดโฟมเข้าไปยังรอยต่อ ช่องว่างของโครงสร้าง เพื่อซับเสียงที่จะวิ่งเข้ามาในห้องโดยสารนั้น ถือว่า “ดีขึ้น” จากรุ่นเดิม

แต่โดยส่วนตัวแล้วยังถือว่ามีเสียงเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารพอสมควรแม้จะวิ่งในย่านที่ปราบเซียนที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามา ยิ่งจังหวะกดคันเร่ง กระชากความเร็ว เสียงของเครื่องยนต์ก็ยังมีเข้ามาได้ชัดเจน

เช่นเดียวกับเสียงของล้อและยางที่บดลงไปบนพื้นถนนเข้าสู่ทางนอกเมือง ถนนค่อนข้างโล่ง เส้นทางขึ้น-ลงเขา มาดูกันที่ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ของรถคันนี้ “ประทับใจ” หลายคนอาจจะมองว่า ทำไมต้องวิ่งไปในย่านความเร็วสูง

ทั้งนี้ สเป็กรถคันนี้เป็นซิตี้อีโคคาร์ เพื่อการใช้งานที่ไม่ได้จำเป็นต้องเค้นความเร็ว หรือขับแบบดุดัน

แต่ในเมื่อรถมันไปได้ แถมยิ่งขับยิ่งสนุก สบโอกาสที่เส้นทางและทัศนวิสัยที่มีความปลอดภัย กระชากความเร็วขึ้นไประดับ 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้แบบสบาย ๆ แถมความเร็วยังสามารถวิ่งไปได้ไกลกว่านั้น ในจังหวะวิ่งทางราบ

แต่เมื่อมีจังหวะที่ต้องไต่ระดับความสูง เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น รู้สึกได้ว่าเครื่องมีการเค้นกำลังออกมา เพื่อผ่านเส้นทางข้างหน้าไปให้ได้ ลอง 2-3 ครั้ง ยังได้ความรู้สึกเดิม เครื่องยนต์ทำงานแบบลาก ตัดสินใจเปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D ลงมาที่ L ช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์กระชับขึ้น ผ่านมาได้สบาย ๆ

ถามว่า ถ้าขับโดยไม่เปลี่ยนเกียร์ รถจะมาได้หรือไม่ คำตอบคือ ยังมาได้ แบบเรื่อย ๆ

อีกสิ่งคือ “ช่วงล่าง” เซตมาได้ ประทับใจ ขับสนุก ยิ่งจังหวะเข้าออกโค้ง ตามไลน์ปกติ ต้องบอกว่า เนียนกริบ หรือจะแบบเร็ว กระชับเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปเล็กน้อยรถคันนี้ยังเอาอยู่ หลายช่วงของเส้นทาง ทั้งเข้าโค้ง ขึ้น ลง รถซิตี้คันนี้ตอบสนองได้ดีมาก พละกำลังมีเหลือเฟือจริง ๆ

เผลอแผล็บเดียว หมดรอบ ของการขับขี่ของไม้แรกแล้ว ครั้นจะขอขับ ไม้สอง ในช่วงขากลับก็เกรงว่าเพื่อนร่วมทางจะหมางใจ บอกเลยว่า ขับสนุกจนเเทบไม่อยากลงจากตำแหน่งหลังพวงมาลัย

สำหรับราคาค่าตัวซิตี้รุ่น RS 739,000 บาท เติมเงินอีก 74,000 จากรุ่น SV