เทสต์ คาร์ วุฒิณี ทับทอง
ได้รับความสนใจไม่แพ้รถรุ่นพี่ที่เพิ่งเปิดตัวออกสู่ตลาดบ้านเราไปก่อนหน้านี้
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
และแบรนด์ “ฮาวาล” HAVAL JOLION ก็ยังคงสร้างกระแสความสนใจได้ต่อเนื่อง แม้จะเพิ่งเข้ามาทำตลาดบ้านเรายังไม่ครบขวบปี
โดยมีรถยนต์แนะนำออกสู่ตลาดบ้านเราแล้วถึง 2 รุ่น ได้แก่ ฮาวาล เอช 6 ไฮบริด, ฮาวาล โจไลอ้อน รวมทั้งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง โอร่า กู๊ดแคต
วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้สัมผัสกับบี-เอสยูวี อย่าง ฮาวาล “โจไลอ้อน” HAVAL JOLION ที่เข้ามาเพิ่มดีกรีความร้อนแรงในตลาดบี-เอสยูวี บ้านเรา ให้คึกคัก
มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น TECH, PRO, ULTRA ซึ่งในรายละเอียดของออปชั่นแต่ละรุ่นแตกต่างกันไป
หน้าตาของโจไลอ้อน คันนี้ ถือว่ามีความละม้ายกับรุ่นพี่อย่าง ฮาวาล เอช 6 ไฮบริด ที่นำมาย่อส่วน และปรับเปลี่ยนกระจังหน้า ไฟหน้า ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง
โดยส่วนตัวถือว่า ฮาวาล ออกแบบรถคันนี้ออกมาได้ค่อนข้างลงตัว ไม่ขี้เหร่…
โดยเฉพาะการดีไซน์ไฟหน้า ที่เห็นเด่นแต่ไกล มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟ intelligent LED headlamp
กระจังหน้า star matrix สีดำ-เทา ให้ความหรูหรา แข็งแรง
หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอก
ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว
โดยรวม ๆ ในเรื่องของการออกแบบถือว่า ฮาวาล โจไลอ้อน (HAVAL JOLION) คันนี้ออกแบบมาได้ พอฟัดพอเหวี่ยง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญ ทั้งฮอนด้า เอชอาร์-วี และโตโยต้า ครอส ได้สูสี
ภายในห้องโดยสารเป็นสีทูโทน ตัดกับสี rose gold เช่นเดียวกับรุ่นพี่ ฮาวาล เอช 6 ไฮบริด เบาะนั่งทำจากวัสดุคล้ายหนัง ให้สัมผัสค่อนข้างสบาย
แต่ส่วนของตำแหน่งที่นั่งของเบาะโดยสาร ถูกออกแบบและจัดวางให้ความรู้สึกว่า มีขนาดค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะที่นั่งในห้องโดยสารด้านหลัง
เมื่อเข้าไปทดลองนั่ง เบาะค่อนข้างจม… และความกว้างของเบาะที่นั่งไม่รับกับช่วงขา ตรงนี้ทำให้ผู้โดยสารอาจจะไม่สบายนักหากต้องโดยสารในทางไกล ๆ ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย มีมาให้ครบครัน
เกียร์ออกแบบมาให้เป็นแบบ electronic shifter ดูเก๋ ล้ำสมัย ใช้งานง่าย ด้วยมือหมุน ยังเพิ่มความสะดวกในการชาร์จไฟให้กับมือถือ ด้วยแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และเซตอัพระบบต่าง ๆ
เด่นชัดด้วยหน้าจอมัลติฟังก์ชั่นขนาด 12.3 นิ้ว ที่สั่งการด้วยระบบสัมผัส รองรับ APPLE CAR PLAY, MP3 และ JOOX รวมถึงระบบนำทาง ส่วนระบบปรับอากาศทำงานอิสระแยกซ้าย-ขวา
ฮาวาลยังใส่ระบบสั่งการด้วยเสียงเข้ามา เป็นชุดคำสั่งง่าย ๆ ด้วยภาษาไทย ใช้งานได้ง่ายและสะดวก เพียงแค่เตือนสั่งการด้วยคำว่า “สวัสดี ฮาวาล…” และตามด้วยคำสั่ง เช่น เปิด-ปิดซันรูฟ, แอร์, เพลง ฯลฯ
ขณะที่ระบบการเตือนความปลอดภัยต่าง ๆ เกรท วอลล์ฯ จัดมาเต็ม
มาถึงในส่วนของขุมพลังการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร 95 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 156 แรงม้า ให้กำลังรวมกันสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวม 375 นิวตันเมตร
ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT ที่สามารถรองรับการขับเคลื่อนที่หลากหลายทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งไม่จี๊ดจ๊าดสักเท่าไร โดยเฉพาะในจังหวะเร่งแซง ความกระฉับกระเฉง และความคล่องตัวของรถ ทั้งจังหวะของการขับขี่ในเมือง หรือวิ่งทางไกล
การตอบสนองของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ ทำได้ดี แต่ไม่จี๊ด บางจังหวะอาจจะต้องเค้น เรียกรอบ ทำความเร็วขึ้นมา แต่เมื่อเครื่องวิ่งไปติดลมบนแล้ว รถคันนี้ก็ไปได้เรื่อย ๆ
มี 3 โหมดการขับขี่ คือ มาตรฐาน, อีโค และสปอร์ต ให้เลือกใช้ตามรูปแบบและความต้องการในการขับขี่ แต่โดยส่วนตัววิ่งด้วยโหมดมาตรฐาน วิ่งอยู่ราว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าต้องการความกระชับ ให้ขยับมาที่โหมดสปอร์ต
ช่วงล่างแบบ GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูลาร์แบบเดียวกับฮาวาล เอช 6 ไฮบริด
ส่วนการซับแรงเหวี่ยงแรงกระแทกในห้องโดยสาร ผู้โดยสารที่ตอนหลังอาจจะสัมผัสได้เร็วกว่าปกติ
ถึงตรงนี้ถือว่าโจไลอ้อน HAVAL JOLION คันนี้ เด่นในเรื่อง “ราคา” เพราะรถเซ็กเมนต์นี้ที่รุ่นท็อปอยู่ที่ 999,000 บาท เท่านั้น
……….