ประเทศไทยยังมีอนาคต..ถ้า

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์-ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร-เรืองโรจน์ พูนผล-ศุภชัย เจียรวนนท์
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์-ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร-เรืองโรจน์ พูนผล-ศุภชัย เจียรวนนท์
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : ดิษนีย์ นาคเจริญ

น่าจะครึ่งทางพอดี สำหรับคอนเทนต์ ซีรี่ส์ “Future Thailand” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญมติชนเลือกตั้ง’66 บริบทใหม่ประเทศไทย โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นำเสนอบทความงานวิจัยนโยบายสาธารณะของทีดีอาร์ไอ คู่ขนานไปกับการชักชวนนักธุรกิจทั้งรุ่นใหญ่ และรุ่นใหม่ที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจไทย มาช่วยกันระดมความคิดความเห็นเกี่ยวกับ public policy ที่อยากเห็นหรือควรจะมี/ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อออกแบบอนาคตของประเทศไทยร่วมกัน และฝากการบ้านไปยังรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงบริหารประเทศต่อ หลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. 2566

กับคำถามที่ว่า Thailand ยังมี Future อยู่อีกไหม

ทุกคนเห็นไม่ต่างกันนัก

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน ทีดีอาร์ไอ บอกว่า “ประเทศไทยไม่สิ้นหวังแน่นอน แต่ที่ผ่านมาเสียโอกาสเยอะมาก ไม่สามารถบรรลุศักยภาพของประเทศไทยที่เติบโตทางเศรษฐกิจได้สูงกว่านี้ พัฒนาประเทศให้คนมีรายได้มากกว่านี้ กระจายรายได้ที่มีความเหลื่อมล้ำน้อยกว่านี้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ แต่ต้องอาศัยภาวะทางการเมืองที่จะนำประเทศไปสู่จุดมุ่งหมายดังกล่าวให้ได้”

“ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MFEC บอกว่า “ประเทศไทยยังมีความหวัง เพราะคนรุ่นใหม่เก่ง เพียงแต่เราไม่ได้เซตคัลเจอร์ ปรับจุดสมดุลของสังคม เพราะถ้าบอกว่ายังมีคัลเจอร์ประเทศไทยเหมือนเดิม ทำแบบเดิมแล้วคาดหวังให้ดีขึ้น เป็นไปไม่ได้ และต้องเร็ว เพราะอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไร 3-4 ปี เราจะถดถอยเรื่อย ๆ อย่างตอนนี้ ถ้าดูคนอื่น เขามีไดเร็กชั่น มีการพัฒนา ต่อให้เขาล้าหลังสู้เราไม่ได้ แป๊บเดียวเขาก็ทันเรา ขณะที่เรามีปัญหาเก่า บวกกับปัญหาใหม่ ปัญหาสังคมมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวสักพักประเทศจะกู่ไม่กลับ”

ขณะที่ “กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล” แม่ทัพกลุ่มเคบีทีจี บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรฯ บอกว่า เป็นหน้าที่ของ “รัฐบาล” ที่ต้องให้ความหวังกับผู้คน ความหวังของประเทศไทยเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ทุกคนถามผมว่าประเทศไทยยังมีอนาคตอีกหรือ ยังไปต่อได้อีกหรือ ผมอยากบอกว่าประเทศไทยไปต่อได้ ยังไม่ตกขบวน แต่หน้าต่างแห่งโอกาสเริ่มปิดลงเรื่อย ๆ และรถไฟกำลังใกล้ออกจากชานชาลาแล้ว

“ถ้าคุณแคชอัพไม่ทัน ผมไม่ได้บอกว่าไม่มีรถไฟขบวนอื่นนะ ยังมีอีกหลายสิบขบวน แต่รู้หรือเปล่าว่าอาจจะไปนั่งรถไฟชั้นสาม และแคชอัพยากมาก การแคชอัพขบวนนี้จึงง่ายกว่า เพราะ You are at the right place the right region ใน region of the future และโคตร the right timing”

ที่สำคัญ ในมุมมองของ “กระทิง” คนไทยพร้อมสู้ ถ้ามีความหวัง ที่ผ่านมา มันเหนื่อยมาก ๆ แต่ถ้าคนไทยมีความหวัง มองเห็นอนาคตที่เป็นไปได้ คนไทยจะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คนไทยเป็นชาตินักสู้ เอสเอ็มอีไทย เศรษฐกิจไทย เอกชนไทย คือนักสู้ทุกคน ทุกคนพร้อมที่จะสู้ เมื่อทุกคนมีความหวัง นั่นคือหน้าที่และพันธกิจของรัฐบาล

ไม่ต่างไปจากความเห็นของ “ศุภชัย เจียรวนนท์” แม่ทัพเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. ที่ย้ำว่า “ประเทศไทยยังมีอนาคตแน่นอน และมีเยอะด้วย ถ้ามีการวางแผน”

เขาบอกว่า ประเทศไทยถือว่ามาได้พอสมควรในหลายด้าน แต่เกษตรยังอยู่ 1.0 ถ้าปลดล็อกได้ โอกาสที่ไทยจะเป็น “คลังความมั่นคงทางอาหาร” ในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ได้เป็นไปได้แน่นอน

“เป็นโอกาสมหาศาล น่าเสียดาย ถ้าเราทิ้งไว้ไม่รีบแก้ จีดีพีของประเทศห้าแสนล้าน ไม่นานจะเป็นล้านล้านได้ เพราะเรื่องเกษตร ความมั่นคงอาหาร การสร้างมูลค่าเพิ่ม อาหารไทย สินค้าไทย เป็นที่ต้องการของตลาด และเราก็วางตัวได้ดีในการเมืองโลก อเมริกาเราก็ดีด้วย จีนเราก็ดีด้วย ในการเมืองระดับโลกที่กำลังแบ่งขั้ว ทำให้ประเทศไทยน่าสนใจ ความมีเสถียรภาพทางการเมืองทำให้เราเป็นศูนย์กลางภูมิภาคได้”

แม่ทัพเครือ ซี.พี.ย้ำว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยทำได้ดี และยืนอยู่บนขาตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งใครคนใดคนหนึ่ง แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งสำคัญในระดับภูมิภาค แต่เทียบกันแล้วยังถือว่าเรามีโอกาสสูงกว่าที่จะเป็นเซ็นเตอร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเราไม่ติดอยู่กับ “จีโอโพลิติก” หรือการเมืองระดับโลก คนที่อยู่ตรงกลางอย่างไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด