ส่วนลดค่าไฟรอบสุดท้าย

ค่าไฟ
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : ถวัลย์ศักดิ์ สมรระคบุตร

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 “งบฯกลาง” รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้า ในลักษณะการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) เดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ภายในกรอบวงเงิน 10,464 ล้านบาท เป็นไปตามที่ ครม.เสนอ

การอนุมัติให้ใช้งบฯกลาง ดังกล่าวจะเป็นไปตามการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่รัฐบาลรักษาการจำเป็นที่จะต้องขออนุมัติต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน โดยความช่วยเหลือจากการใช้งบฯกลางจำนวน 10,464 ล้านบาท

จะประกอบไปด้วย 1) มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงาน ที่ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 จากราคาพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เงินบาทที่อ่อนค่าลง และการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในช่วงการเปลี่ยนผ่านสัมปทานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีผลทำให้ราคาค่าไฟฟ้าสูงขึ้น

รัฐบาลจึงมีแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน โดยให้ “ส่วนลดแบบขั้นบันได” แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รามทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 ด้วยการให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 96.88 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ทำให้ผลต่างระหว่างค่า Ft เรียกเก็บ และส่วนลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 71.88 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 151-300 หน่วยต่อเดือน ทำให้ผลต่างระหว่างค่า Ft เรียกเก็บ และส่วนลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 26.39 สตางค์ต่อหน่วย ในมาตรการนี้คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวม 7,602 ล้านบาท

2) มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน จะเป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของ “ค่าไฟฟ้า” ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โดยมาตรการนี้จะให้ “ส่วนลด” แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

Advertisment

รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ 150 บาทต่อราย กำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในรอบบิลเดือน พ.ค. 2566 ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีสถิติความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือนประมาณ 23.40 ล้านราย โดยใช้งบประมาณ 3,510 ล้านบาท

การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าในครั้งนี้จะพิจารณาจากการ “ทบทวน” ค่า Ft ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานฯ ใกล้เคียงกับงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 จากเดิมที่เรียกเก็บ 4.72 บาทต่อหน่วย เป็น 4.70 บาทต่อหน่วย) โดยมีค่า Ft ลดลงเดิมที่ 93.23 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 91.19 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจาก 33.23 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 35 บาทต่อเหรียญ ส่งผลให้ค่า Ft ลดลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะกระทบต่อการจ่ายค่าไฟฟ้าของประชาชนที่จะต้องเพิ่มสูงขึ้น

Advertisment

จึงเป็นที่มาของการกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น โดยรัฐบาลรักษาการตัดสินใจที่จะใช้ “งบฯกลาง” ออกมาช่วยเหลือประชาชนด้วยการให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง