แจกเงินหมื่น แลนด์บริดจ์ล้านล้าน

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : อิศรินทร์ หนูเมือง

เงินลงทุน 5.2 แสนล้านบาท คือ มูลค่าการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร เฟสแรก

เงินลงทุน 5.6 แสนล้านบาท คือ งบประมาณที่คาดว่าจะใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท

แต่รูปแบบการใช้เงินและวัตถุประสงค์ของโครงการ ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เพราะโครงการแลนด์บริดจ์ คือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ระดับโลก ส่วนการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำให้ 56 ล้านคน ได้รับสิทธิใช้เงินไปหมุนในระบบเศรษฐกิจ

ความเร่งด่วนของโครงการแลนด์บริดจ์ คือ การเร่งโรดโชว์ในเวทีประชุมนานาชาติ 2 ขอบโลก ในช่วงเวลา 2 เดือนที่นายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่โครงการแจกเงิน 10,000 บาท จะเกิดขึ้นในกลางปีหน้า หรืออาจจะล่วงเลยกว่านั้น

แลนด์บริดจ์ต่อยอดจากแผนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่แจกเงิน 10,000 บาท นโยบายเกิดใหม่-หัวหอกของพรรคเพื่อไทย

Advertisment

แลนด์บริดจ์ หรือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ มีแผนการลงทุนที่น่าตื่นตาตื่นใจถึง 1 ล้านล้านบาท

  • เฟสแรก วงเงินลงทุนสูงสุด 522,844.08 ล้านบาท ปักหมุดท่าเรือน้ำลึกฝั่งชุมพร 118,519.50 ล้านบาท, ท่าเรือน้ำลึกฝั่งระนอง 141,716.02 ล้านบาท, สร้างเส้นทางเชื่อมโยง 2 ท่าเรือ 195,504.00 ล้านบาท, งานก่อสร้างพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า 60,892.56 ล้านบาท และค่าเวนคืนและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 6,212.00 ล้านบาท
  • เฟส 2 ลงทุน 164,671.83 ล้านบาท เป็นการลงทุนต่อเนื่องในท่าเรือน้ำลึกฝั่งชุมพร 45,644.75 ล้านบาท, ท่าเรือน้ำลึกฝั่งระนอง 73,164.78 ล้านบาท, งานก่อสร้างเส้นทางเชื่อมโยง 2 ท่าเรือ 21,910.00 ล้านบาท และงานก่อสร้างพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า 23,952.30 ล้านบาท
  • เฟส 3 ลงทุน 228,512.79 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างต่อเนื่อง ในท่าเรือน้ำลึกฝั่งชุมพร 73,221.99 ล้านบาท, ท่าเรือน้ำลึกฝั่งระนอง 115,929.76 ล้านบาท และงานก่อสร้างพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าจำนวน 39,361.04 ล้านบาท
  • เฟส 4 ลงทุน 85,177.77 ล้านบาท เพิ่มเติมงานก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกฝั่งชุมพร จำนวน 68,280.20 ล้านบาท และงานก่อสร้างพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า จำนวน 16,897.57 ล้านบาท

ถ้าฝ่ายการเมืองมั่นคง-มีแผนการงบประมาณชัดเจน มีเอกชนไทย-ต่างชาติกล้ามาร่วมลงทุน โครงการแลนด์บริดจ์ จะเปิดใช้ได้ในอีก 7 ปีข้างหน้า

คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างตั้งแต่ตอกหมุดเข็มแรก ในราวปลายปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2573

โดยในช่วงตั้งแต่เดือนหน้า (พ.ย. 66) เป็นต้นไป ถึงต้นปี 2567 จะเป็นช่วงที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีและกระทรวงคมนาคม เดินสายขายไอเดีย โรดโชว์ดึงนักลงทุนไทย-เทศ

Advertisment

คู่ขนานกับการจัดทำพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) หรือ พ.ร.บ.แลนด์บริดจ์ คาดว่าจะผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้ในปลายปี 2567 จากนั้นจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและสำนักงานนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้

ในปีถัดไป 2568 ช่วงกลางปี จะได้เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน และเตรียมออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน รวมทั้งจดกรรมสิทธิ์ที่ดิน

หากรัฐบาลเศรษฐายังอยู่บริหาร กระทรวงคมนาคมวางไทม์ไลน์ไว้ว่า ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568 จะนำเสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติลงนามในสัญญา

โครงการนี้นับเป็นความหวังใหม่ของรัฐบาลเพื่อไทย นายกฯเศรษฐา หอบแฟ้มโครงการ อ่านจนแตกฉาน อธิบายกับนักลงทุนทุกชาติ ตั้งแต่จีน-ซาอุดีอาระเบีย-สิงคโปร์-อเมริกา-ญี่ป่น และทุกเวทีสาธารณะในประเทศไทย

รัฐบาลไทยหวังว่าโครงการแลนด์บริดจ์ จะเป็นสะพานเชื่อมนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ภายใต้ภาวะภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ผันผวนไร้เสถียรภาพ ทั้งมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ที่ต่อกรกับมังกรราชันอย่างจีน ซึ่งมีแม่ไม้มวยจีนที่ยากจะจับทิศทางการต่อสู้ได้

ไหนจะมีสงครามในยุโรป ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ใช้ห่ากระสุนวันละหลายหมื่นลูก ไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่าย ๆ

ซ้ำเติมด้วยสงครามเต็มรูปแบบในอิสราเอล-ฮามาส ที่อาจกระจายไปทั่วทั้งอ่าวตะวันออกกลาง ลามไปยุโรป และทุกแห่งหนที่มีชาวยิวก่อร่างสร้างตัว

แม้ไทยจะมีอยู่ในทำเลภูมิศาสตร์-ยุทธศาสตร์ ที่อาจได้เปรียบ ในศูนย์กลางของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับ 2 มหาสมุทร 2 ด้าน ทั้งฝั่งอ่าวไทยด้านตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งอันดามันด้านตะวันตกติดกับมหาสมุทรอินเดีย

ในเชิงยุทธศาสตร์ ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประตูในการขนส่งและแลกเปลี่ยนสินค้าของประเทศในภูมิภาค รวมถึงประเทศจีนตอนใต้ และเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทวีปต่าง ๆ ของโลก

โครงการแลนด์บริดจ์จึงฝันไกลไปถึงการเป็น “ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางน้ำในระดับภูมิภาคและระดับโลก”

น่าติดตามว่าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท กับโครงการลงทุน 1 ล้านล้าน อะไรจะได้เกิดก่อนกัน