เศรษฐา

เศรษฐา ทวีสิน
คอลัมน์​ : Market-think
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

วันนี้ “เศรษฐา ทวีสิน” เปิดตัวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัวแล้ว

หลังจากมีข่าวมานานพอสมควร

การรับตำแหน่ง “ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัว” แม้จะเป็นตำแหน่งลอย ๆ

แต่เป็นบันไดขั้นแรกทางการเมืองให้ “เศรษฐา” เดินเข้ามาในพรรคเพื่อไทย

ตามมาด้วยตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย

เขาเริ่มเดินสายคุยกับนักธุรกิจเชื้อสายจีน และลงพื้นที่คลองเตย

จากนั้น “เศรษฐา” ก็ยื่นหนังสือลางานชั่วคราวแบบไม่รับเงินเดือนจาก “แสนสิริ”

เพื่อลงพื้นที่ลุยหาเสียงอย่างเต็มตัว

วันนี้แม้พรรคเพื่อไทยยังไม่ประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ

แต่สัญญาณภายในพรรคชัดเจนแล้วว่า “เศรษฐา” คือ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน

ต่อจาก “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร

ส่วนอีกคนหนึ่งยังไม่มีการเปิดตัว

ถามว่า “เศรษฐา” จะถูกหลอกหรือไม่

แค่เปิดตัวเพื่อดึงคะแนนนักธุรกิจหรือคนรุ่นใหม่

แล้วพอถึงเวลาตัดสินใจ พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ “อุ๊งอิ๊ง”

เรื่องนี้ผมเชื่อว่าคงมีการเจรจาระหว่าง “เศรษฐา” กับคนที่มีอำนาจตัดสินใจในพรรคเพื่อไทยมาหลายรอบแล้ว

บุคลิกของ “เศรษฐา” เป็นคนตรงไปตรงมา อะไรได้หรือไม่ได้คงพูดแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม

เหมือนที่ให้สัมภาษณ์สื่อชัดเจนเลยว่า ถ้าไม่เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

เขาจะไม่รับตำแหน่งบริหารอื่น

จะให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ

…ไม่รับ

ตรงไปตรงมา จนนักข่าวตกใจ

แต่ถ้าถามว่า “เศรษฐา” กับ “อุ๊งอิ๊ง” ใครเป็นตัวจริงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผมเชื่อว่าทั้ง 2 คน คือ “ตัวจริง”

อยู่ที่ผลการเลือกตั้งว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงเท่าไร

แลนด์สไลด์หรือไม่

อย่าลืมว่าการเลือกตัวนายกฯครั้งนี้ ยังมีด่าน ส.ว. 250 คน ขวางอยู่

การได้จำนวน ส.ส.และ ส.ว. เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา หรือ 376 คน ตามกติกาในรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ยังมีด่านเวทมนตร์อีกมากมายที่ต้องฝ่าไป

ถ้าเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลาย และรวมกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อไปให้ถึงตัวเลข 376 ไม่ยาก

โอกาสที่ “นายกรัฐมนตรี” จะเป็น “อุ๊งอิ๊ง” หรือ “เศรษฐา” ก็อยู่ที่พรรคเพื่อไทยคิดการใหญ่แค่ไหน

และขึ้นอยู่กับว่ากระแสการตอบรับของสังคมและ ส.ส.เพื่อไทยด้วย

เพราะการเป็นรัฐบาลนั้นต้องบริหารทั้งประเทศและบริหารการเมืองในสภา

แต่ถ้าจำนวน ส.ส.ที่พรรคเพื่อไทยได้มา เมื่อรวมเสียงกับพรรคการเมืองอื่นแล้วไปไม่ถึง 376

ต้องพึ่งพาเสียงจาก ส.ว.

หาก ส.ว.ประกาศตั้งกำแพงกับนามสกุล “ชินวัตร”

โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะส่งชื่อ “เศรษฐา” เป็นแคนดิเดตนายกฯก็มีสูงมาก

เพราะแรงเสียดทานทางการเมืองต่ำกว่า

แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องอนาคต

อย่าลืมว่า “การเมือง” คือ การเปลี่ยนแปลงที่ปรับเปลี่ยนไปกับความเป็นจริงในเวลานั้น

“ยึดมั่น-ถือมั่น” ไม่ได้เลย