ทันทีที่ “เศรษฐา ทวีสิน” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Srettha Thavisin จะขอโอนหุ้นแสนสิริ 661,002,734 หุ้น หรือ 4.44% คิดมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ให้แก่ “ชนัญดา ทวีสิน” ซึ่งเป็นลูกสาว ก่อนลงเล่นการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ด้วยข้อความว่า “ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานการเมือง ผมจึงทำการโอนหุ้นหรือขายหุ้นของผมในบริษัทต่าง ๆ ลดบทบาทของตนเองในภาคเอกชนลง และได้ดำเนินการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกกรณีครับ”
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- ไขปม Taobao Thailand เป็นใคร ทำอะไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
โดยมีข้อมูลสำทับเป็นทางการ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59) ระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 “เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการ (กรรมการ/กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหาร) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ได้โอนหุ้น SIRI ทั้งหมดจำนวน 661,002,734 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.44% ของทุนจดทะเบียนบริษัท ให้แก่ นางสาว ชนัญดา ทวีสิน (บุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว)
ทันใดนั้น สปอร์ตไลต์วงการเมืองและธุรกิจก็เริ่มฉายสาดส่องมาที่ “เศรษฐีคนใหม่” ของประเทศไทย ว่าเธอคือใครกันหนอ ที่ได้รับหุ้นจากพ่อบังเกิดเกล้าและรวยขึ้นทันตาเห็น
ขณะที่ “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน” ผู้เป็นพ่อในวัยย่าง 60 ปี ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ก็ประกาศ “ลางานชั่วคราวโดยไม่ขอรับค่าตอบแทน” หรือ leave without pay เพื่อไปทำงานพัฒนาประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งการลงเล่นการเมืองครั้งนี้ ผู้เป็นพ่อและซีอีโออสังหาฯ หมื่นล้าน ประกาศชัดเจนผ่านจดหมายลางานในบริษัทมหาชน “แสนสิริ” อย่างเป็นทางการ
“ผมจะนำประสบการณ์เข้ามาแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และโอกาส เพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นมากมายในประเทศไทย ทั้งนี้แนวคิดการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำควรเป็นวาระแห่งชาติวาระแรกที่รัฐบาลจะต้องเริ่มทำก่อน”
นาทีนี้ ผู้เป็นพ่อก็ดำเนินไปตามเส้นทางทางการเมือง ส่วนคุณลูกนั้น มีประวัติน่าสนใจ นอกเหนือจาก “หน้าตา” ที่มีความละม้ายคล้ายพ่อที่สุด ในบรรดาลูกทั้ง 3 คน
“ชนัญดา ทวีสิน” เป็นลูกสาวคนสุดท้องของ “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เป็น CEO ผู้สร้างแบรนด์ “แสนสิริ” ครองใจคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ กับ “หมออ้อม-พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน” ในวัยย่าง 61 ปี เป็นทีมแพทย์ผู้ชำนาญการดูแลสุขภาพเพื่อการชะลอวัย VitalLife ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ใช้ชีวิตสมรสร่วมกันมานานถึง 34 ปีแล้ว
ทั้งคู่มีบุตรร่วมกัน 3 คน คนโต “น้อบ-ณภัทร ทวีสิน” จบการศึกษา มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และฮาร์วาร์ด บิสิเนส สกูล สหรัฐอเมริกา
คนที่ 2 “แน้บ-วรัตม์ ทวีสิน” จบปริญญาตรีและปริญญาโท มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ล่าสุดได้แต่งงานกับเพื่อนสาวต่างชาติ
คนเล็กสุด “นุ้บ-ชนัญดา ทวีสิน” จบปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอายุ 28 ปี นับเป็นคนรุ่นใหม่ หน้าตาดี หุ่นดี มีหลักคิดเกินอายุ
“น้องนุ้บ” เคยเล่าถึงครอบครัวว่า ถูกเลี้ยงดูมาแบบอิสระ เป็นตัวของตัวเอง แต่ต้องรู้หน้าที่และความรับผิดชอบ คุณพ่อจะทำงานหนักมาก ส่วนคุณแม่จะคอยดูแลให้คำปรึกษา โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน การดูแลสุขภาพ
สำหรับเรื่องการสืบทอดธุรกิจนั้น คุณพ่อไม่ได้เน้นย้ำ ท่านปล่อยให้ลูก ๆ ทุกคนเรียนเต็มที่ และทำงานที่ตัวเองชอบ
สนใจเรื่องคน ไม่หยุดลองอะไรใหม่ ๆ
นุ้บ สนใจเรื่องคนจึงเลือกเรียน Neuroscience with a behavior concentration major ที่ Barnard College ช่วงปริญญาตรี แล้วมาต่อปริญญาโท ด้าน clinical concentration with family, youth, and children focus ที่ Columbia University นิวยอร์ก สหรัฐ เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาอยู่ที่ Edusmith แนะนำขั้นตอนการสมัคร การทำประวัติ เพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา
ส่วนตัวชอบคุยกับเด็ก ๆ ชอบทำงาน one on one จากประสบการณ์การแนะนำแต่ละเคสจะไม่เหมือนกันเลย ก็สนุกดี และช่วยเหลือคนได้ด้วย เป็น community service กึ่ง ๆ ช่วยเรื่อง สังคมและครอบครัว เพราะต้องติดต่อกับผู้ปกครองด้วย
ด้วยความที่พ่อเป็นคน Alert และไม่หยุดนิ่ง พ่อจะแนะให้ลูกลองทำโน่นนี่ ไม่สำเร็จไม่เป็นไร ลองไปเรื่อย ๆ จนเรารู้ว่า เราเก่งและถนัด หรือชอบอะไร จะได้ทุ่มเทไปทางนั้นเต็มที่
อย่างการเปิดร้านกาแฟ Cafe Mikka ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ก็เป็นธุรกิจเริ่มแรกในชีวิตและเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะที่บ้านสอนมาตลอดให้คิดแล้วลงมือทำทันที และได้เปิดร้านอาหารที่สยามพารากอนด้วยชื่อ Tasty Congee & Noodle Wantun Shop ร้านโจ๊ก – บะหมี่เกี๊ยวเจ้าอร่อยจากฮ่องกง
ทั้งการปลูกฝัง การเลี้ยงดู และการทำธุรกิจนั้น ประสบการณ์สอนให้เราเป็นคนอดทน และมีความอ่อนน้อมในตัว รับผิดและรับชอบ ที่สำคัญต้องมีจิตใจที่บริการ หรือ service mind จริง ๆ
เพราะเมื่องานสำเร็จ ความสุขที่แท้ก็จะเกิดขึ้น และสามารถสร้างเป็นพลังใจในการเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่เป็นภาระกับใคร
นี่คือ เสียงสะท้อนความในใจของเด็กสาว เจ้าของมรดกหุ้นแสนสิริ มูลค่า 700 ล้านบาท ที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ไม่แพ้คุณพ่อ “เศรษฐา เพื่อไทย”
