คอลัมน์ : Pawoot.com ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
ถ้าหากพูดถึงการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในยุคนี้ เชื่อว่าชื่อแรก ๆ ที่จะได้ยินนั้นคงจะหนีไม่พ้นธุรกิจ e-Marketplace ยักษ์ใหญ่ด้าน e-Commerce อย่าง Shopee และ Lazada เป็นแน่
ธุรกิจ e-Marketplace ในไทยที่ครอบคลุมผู้ใช้บริการมากกว่า 40 ล้านคน แต่มีผู้ให้บริการเพียง 2 รายเท่านั้น นั่นหมายความว่ามีการผูกขาดในตลาดนี้ ซึ่งส่งผลให้การเพิ่มค่าธรรมเนียมนั้นเป็นเรื่องที่น่าเขย่าขวัญต่อผู้ซื้อและผู้ขายบริการออนไลน์ทั่วประเทศไทย
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ทั้งนี้ Lazada และ Shopee ได้ประกาศเพิ่มราคาค่าธรรมเนียมในวันที่ 1 เมษายน 2566 โดยการเพิ่มราคาพร้อมกันทั้ง 2 บริษัท โดยราคาค่าธรรมเนียมมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึง 50-100% แต่สิ่งที่น่าตกใจเลยคือ Shopee ประกาศจะขึ้นราคาค่าธรรมเนียมอีกครั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2566
ดังนั้น หมายความว่าในระยะเวลาเพียงแค่ 7 เดือนทาง Shopee มีการปรับค่าธรรมเนียมถึง 2 ครั้งในระยะเวลาไม่กี่เดือน การเพิ่มราคาค่าบริการส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้นไปถึง +150% โดยไม่มีช่วงเวลา หรือระยะเวลาใด ๆ ให้ผู้ใช้บริการมีเวลาปรับตัวมากนัก อาจเป็นเพราะ Shopee คือผู้นำ และมีส่วนแบ่งตลาดการค้าออนไลน์ในประเทศไทยอยู่แล้ว ดังนั้น อาจมีการพยายามเพิ่มรายได้และสร้างกำไรอย่างมากขึ้น จึงต้องมีกลยุทธ์ในการเพิ่มค่าบริการอย่างรวดเร็ว
คำถามคือ หน่วยงานในภาครัฐจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร และหน่วยงานใดที่จะมีบทบาทในการเข้าไปพูดคุยและเจรจากับ Shopee โดยตรง ทั้งนี้ การจะกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบเจาะจงในเรื่องนี้อาจต้องรอการประกาศ หรือข้อมูลจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในอนาคต
สุดท้ายนี้ภาครัฐควรมีการพูดคุยและประกาศให้ชัดเจนว่า บริการ e-Marketplace ที่ให้บริการโดยบริษัทต่างชาติ 100% ถือเป็นบริการที่ถูกควบคุมโดยภาครัฐ และอาจมีมาตรการและข้อบังคับที่จะช่วยควบคุมและกำกับดูแลธุรกิจนี้ให้เที่ยงตรงและเป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทยในอนาคต