
เปิดประวัติ นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักเขียน นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ปัญญาชนผู้ยึดต่อหลักการ ไม่อ่อนข้อต่อความไม่ชอบธรรม และกล้าตั้งคำถามต่อสังคม
จากกรณีข่าวอ้างอิงบุคคลใกล้ชิดครอบครัว ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ระบุว่า นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ เสียชีวิต อายุ 83 ปี เมื่อเวลา 11.47 น. หลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด ตามที่ได้มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น
หากย้อนกลับไปดูผลงานต่าง ๆ ของ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะพบว่ามีผลงานที่หลากหลาย ตั้งแต่เรื่องราวประวัติศาสตร์ จนถึงการตั้งคำถามถึงสภาพสังคมไทยและสภาพของการเมืองไทย
“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทำความรู้จักนักวิชาการท่านนี้ให้มากยิ่งขึ้น
เกิดในครอบครัวเจ๊กปนลาว คลุกคลีกับการศึกษา-สอนประวัติศาสตร์
นิธิ เอียวศรีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 ที่เชียงใหม่ ในครอบครัวที่มักเรียกว่า “เจ๊กปนลาว” คือคนไทยเชื้อสายจีนที่เกิดในเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมร่วมกับลาว จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา และจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจาก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
หลังจากเรียนจบ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เข้ารับราชการในตำแหน่งอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้ลาศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา จนสำเร็จในปี พ.ศ. 2519 กลับมารับราชการตามเดิม จนได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์โดยวิธีพิเศษ และเข้าโครงการลาเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดใน พ.ศ. 2543 หลังจากสิ้นภาระการสอนในระบบมหาวิทยาลัยปกติ
นอกจากบทบาทของการเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาที่ผ่านการสอนมาแล้วหลายรุ่น นิธิ เอียวศรีวงศ์ ยังคงเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการแสดงความคิดสู่สังคมผ่านมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ซึ่งได้บุกเบิกมาก่อนหน้านี้แล้ว และผ่านรูปแบบบทความทางหนังสือพิมพ์ นิตยสารอยู่เป็นประจำ ซึ่งรวมไปถึง “มติชนสุดสัปดาห์” สื่อในเครือมติชน
ปัญญาชน ผู้ขับเคลื่อนการเมือง
อีกหนึ่งบทบาท นอกเหนือจากภาพของการเป็นนักวิชาการประวัติศาสตร์แล้ว นิธิ เอียวศรีวงศ์ ยังเป็นผู้ที่พยายามตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกตต่อเมืองไทย ตั้งแต่สภาพสังคมจนถึงสภาพการเมืองไทย และได้มีโอกาสเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เนือง ๆ ตั้งแต่การลงประชามติรับร่างธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 นิธิ เอียวศรีวงศ์ เป็นผู้หนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว
จนถึงช่วงหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมบริเวณย่านราชประสงค์ เมื่อพฤษภาคม 2553 นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้ทำหน้าที่ยกร่างแผนปฏิบัติการที่สามารถนำไปปฏิบัติแก้ไขปัญหาความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการดังกล่าวทำงานคู่ขนานไปกับคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ
ขณะที่การตั้งคำถามและการแสดงทรรศนะต่อสังคมและการเมืองไทย มักใช้วิธีการเขียนเป็นบทความลงนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ผ่านมุมมองทางประวัติศาสตร์
หลังจากเหตุการณ์ทางการเมือง 2 เหตุการณ์ใหญ่ ทั้งการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และการทำหน้าที่คณะกรรมการ หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุม พ.ศ. 2553 แล้ว นิธิ เอียวศรีวงศ์ ยังได้มีโอกาสไปร่วมแสดงทรรศนะผ่านเวทีเสวนาต่าง ๆ และร่วมแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงการชุมนุมระหว่างปี 2564-2565
ได้รับรางวัล “ศรีบูรพา”
ผลงานที่เป็นที่รู้จักของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ มีทั้งหนังสือ หนังสือรวมบทความ และหนังสือแปล อาทิ
หนังสือ
- การเมืองไทยสมัยพระนารายณ์ (2523)
- ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ในพระราชพงศาวดารอยุธยา (2523)
- การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี (2529)
- สภาพเศรษฐกิจสังคมไทยยุคใหม่ : จริยธรรมในการศึกษาสำหรับอนาคต (2536)
- สองหน้าสังคมไทย : บทวิพากษ์โครงสร้างอารยธรรมไทย (2539)
- การปฏิรูปพระพุทธศาสนาในประเทศไทย (2543)
รวมบทความ
- วัฒนธรรมความจน (2541)
- เก็บที่โล่งแก่รากหญ้า : คัดสรรข้อเขียน 1 ทศวรรษว่าด้วยทรัพยากรดิน น้ำ ป่า และอื่น ๆ (2543)
- คนจนกับนโยบายการทำให้จนของรัฐ : รวมบทความนิธิ เอียวศรีวงศ์ (2543)
- ว่าด้วย “การเมือง” ของประวัติศาสตร์และความทรงจำ (2545)
- ว่าด้วย “เพศ” ความคิด ตัวตน และอคติทางเพศ ผู้หญิง เกย์ เพศศึกษา และกามารมณ์ (2545)
- บริโภค/โพสต์โมเดิร์น (2547)
- อ่านวัฒนธรรมการเมืองไทย (2547)
- ความยุ่งของการอยู่ (2548)
- ประวัติศาสตร์ ชาติ ปัญญาชน (2548)
- วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ (2549)
- รากหญ้าสร้างบ้าน ชนชั้นกลางสร้างเมือง (2552)
หนังสือแปล
- ประวัติศาสตร์เยอรมัน (2511) / ฮูแบร์ตุส เลอเวนสไตน์ เขียน; นิธิ เอียวศรีวงศ์, แปล
- พุทธศาสนา : สาระและพัฒนาการ (2514) (Buddhism, its essence and development, by Edward Conze)
นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นจากสภาวิจัยแห่งชาติ รางวัลฟูกูโอกะ และเป็นผู้ได้รับรางวัลศรีบูรพา ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่นักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และศิลปิน ที่มีผลงานอันทรงคุณค่าและเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง
นาฬิกาหมุนถอยหลังได้ แต่ไม่มีวันหยุดเดิน
ย้อนกลับไปหลังเหตุการณ์รัฐประหาร ปี 2557 นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้เดินทางมาร่วมงาน “นิธิ 20 ปีให้หลัง” เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2557 จัดโดย ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ สำนักพิมพ์มติชน และได้กล่าวใน “นิธิ กับ 20 ปีให้หลัง ปาฐกถาว่าด้วยนาฬิกาและวัฒนธรรมไทย”
นิธิได้กล่าวบนเวทีในฐานะของคนที่สนใจนาฬิกาเก่า ระบุว่า “นาฬิกามันสอนใจเรา แม้หมุนกลับเวลาไปนาน หรือไกลแค่ไหนก็แล้วแต่ แล้วเมื่อคุณพอใจกับเวลาที่ตั้งใหม่ซึ่งเป็นอดีต อย่าลืมว่านาฬิกามันไม่หยุด มันเลือกเดินก้าวหน้ามาถึงยังจุดที่คุณไม่อยากจะเจอมันอีกตลอดไป
ฉะนั้น ในฐานะคนเล่นนาฬิกา ผมรู้สึกนาฬิกามันน่ารักมาก เพราะมันบอกความจริงอะไรบางอย่างที่หลายคนในประเทศไทยที่ยังท่องตำราหลวงวิจิตรฯ ไม่เข้าใจว่า คุณถอยวัฒนธรรมกลับไปได้ ไม่ว่าจะถอยกลับไปถึงตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ที่ร้ายกาจคือ เมื่อคุณถอยกลับไปแล้ว แม่งเสือกเดินต่อไปอีก จนมาถึงจุดที่คุณไม่อยากให้มันมาถึงได้เสมอไป”
ขณะที่ครั้งท้าย ๆ ที่เราได้เห็น ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ แสดงทรรศนะ คือเมื่อครั้งการเลือกตั้ง 2566 ซึ่ง ศ.ดร.นิธิ ให้สัมภาษณ์กับรายการ เอ็กซ์-อ๊อก talk ทุกเรื่อง ของมติชนทีวี ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ชัยชนะที่เกิดขึ้นของพรรคก้าวไกล หลังจากคว้าคะแนนเสียงและมีจำนวน สส.ในสภาเป็นอันดับ 1
ก่อนที่จะเกิดข่าวเศร้าในวันนี้ (7 สิงหาคม 2566) นับเป็นการสูญเสียในวงการประวัติศาสตร์ไทย และสูญเสียปัญญาชนผู้ยึดมั่นในหลักการ และไม่อ่อนข้อให้กับความไม่ชอบธรรม
ข้อมูลจาก สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น