ไม่ใช้ประโยชน์ที่ดิน 10 ปี ถูกยึดคืนจริงหรือไม่ ? รองโฆษกรัฐบาลแจงข้อกฎหมาย

ไม่ใช้ประโยชน์ที่ดิน 10 ปี ถูกยึดคืนจริงหรือไม่ ?

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจงกฎหมาย มาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตอบคำถาม ไม่ใช้ประโยชน์ที่ดิน 10 ปี ถูกยึดคืนจริงหรือไม่ ?

วันนี้ 21 สิงหาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์ โดยมีประชาชนสอบถามเข้ามาเรื่องกฎหมายการเพิกถอนสิทธิในที่ดินหากเจ้าของปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลา 5 ปีติดต่อกัน หรือทอดทิ้งที่ดินไม่ทำประโยชน์ 10 ปีติดต่อกัน

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวอยู่ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ใช้บังคับบุคคลใดมีสิทธิในที่ดินตามโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้ง ไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่ร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลา ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิในที่ดินเฉพาะส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือที่ปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า

เมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องต่อศาล และศาลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการใช้กฎหมายนี้ เริ่มปี 2522 กรมที่ดิน แจ้งว่ายังไม่เคยมีคำสั่งศาลให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ตกเป็นของรัฐแต่อย่างใด

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า กระนั้น ประชาชนก็ควรจะปฏิบัติตามกฎหมายถือเป็นดีที่สุด เพื่อให้การใช้ที่ดินเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าให้ตกเป็นของรัฐ กำหนดว่า การพิจารณาว่าที่ดินแปลงใดมีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าให้พิจารณาถึงการทำประโยชน์ เพียงแต่ล้อมรั้วหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่ทำประโยชน์

ย่อมถือว่าเป็นการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า สำหรับที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านหรือในเมือง แม้จะยังไม่ได้ปลูกบ้านอยู่อาศัยแต่เจ้าของยังมีเจตนาถือเพื่อตนอยู่ ก็ให้ถือว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินที่ได้ทำประโยชน์แล้วโดยสภาพ ซึ่งภายในเดือนมกราคมของทุกปีจังหวัดจะสำรวจว่ามีที่ดินแปลงใดบ้างที่มีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลา

เมื่อจังหวัดทำการสำรวจแล้ว จะทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า จัดการหรือเร่งรัดให้มีการทำประโยชน์ภายในเวลา 3 เดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง เมื่อครบกำหนดแล้วยังไม่จัดการให้มีการทำประโยชน์ ทางจังหวัดจะตั้งกรรมการเพื่อพิจารณา

หากเห็นว่ามีการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยที่ดินรกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาจริง ให้จังหวัดทำความเห็นส่งกรมที่ดินเพื่อพิจารณาดำเนินการส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวให้ตกเป็นของรัฐต่อไป

“จึงขอแนะนำให้ประชาชนผู้มีสิทธิในที่ดินได้ตรวจสอบที่ดินและเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อปกป้องและรักษาสิทธิในที่ดินของตนเอง โดยสามารถตรวจสอบรูปแปลงที่ดินผ่าน Application LandsMaps ของกรมที่ดิน ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ในส่วนของรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้ประชาชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากที่ดินสูงสุด ด้วยความสมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน และต้องโปร่งใสในการให้สิทธิใช้ที่ดินด้วย ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี” นางสาวรัชดาฯ กล่าว