ศิธารับไทยสร้างไทย-สร้างอนาคตไทย เจรจารวมพรรคกันแต่ยังไม่คืบหน้า ชี้พรรคสมคิดต้องเคลียร์อุดมการณ์ให้ชัด ห้ามหนุนเผด็จการ
วันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคไทยสร้างไทย กับพรรคสร้างอนาคตไทย มีการเจรจากันเพื่อควบรวมพรรคว่า ยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้ง หากการคำนวณ ส.ส.ใช้สูตรหาร 100 โอกาสที่พรรคใหม่และพรรคเล็กจะได้ ส.ส.ถึง 25 คน ตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ชื่อที่เสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นได้ยากมาก
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ทำให้แต่ละพรรคต้องรวมกันถึงจะมีโอกาสมากขึ้น แต่การรวมกันต้องพูดคุยกันอีกเยอะ ยังไม่คืบหน้าเท่ากับที่สื่อมวลชนคาดการณ์ เพราะหากเป็นปลาคนละน้ำก็รวมกันลำบาก ถ้าถามว่าพรรคไทยสร้างไทยกับพรรคสร้างอนาคตไทยจะรวมกันได้หรือไม่นั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยก็เคยทำงานร่วมกันมา
โดยสมัยพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ดูแลด้านสาธารณสุข สังคม และยาเสพติด นายสมคิดดูแลด้านเศรษฐกิจ และ ร.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ดูแลด้านกฎหมาย แต่นายสมคิดเองก็เคยเข้าร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์มาก่อน
“จึงต้องดูว่าที่แยกตัวออกมาจากรัฐบาล เป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์หรืออุดมการณ์ไม่ตรงกัน หากเป็นเพราะอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจจะรวมกันได้ เพราะพรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืนไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการอยู่แล้ว หากจุดยืนตรงกันก็สามารถคุยกันได้ และการพูดคุยจะไม่ทำอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ แน่นอน” น.ต.ศิธากล่าว
น.ต.ศิธากล่าวว่า ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่า ตอนที่คุณหญิงสุดารัตน์เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ก็มีนักการเมืองหลายคนที่เคยย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะถูกเอาคดีความหรือการฟ้องร้องมาเป็นชนักติดหลัง แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้นหากจะรวมกันก็ต้องชัดเจนทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนกรณีเดี่ยว 13 ของโน้ส อุดม แต้พานิช ที่พาดพิงรัฐบาลนั้น น.ต.ศิธามองว่าเป็นเรื่องบวก เพราะในระบอบประชาธิปไตยต้องพูดคุยได้ วิจารณ์ผู้มีอำนาจได้ ผู้นำต้องใจกว้าง เข่นเดียวกับกรณีของนักร้อง 4 คนที่ร้องเพลงเสียดสีนายกรัฐมนตรี ถ้าเอาคดีความมาปิดปากไม่ให้เขาพูด ปราบสิบจะเพิ่มเป็นหมื่นเป็นแสน ดังนั้นต้องเปิดเสรีภาพในการแสดงความเห็นและเปิดใจรับฟัง บางคนพูดแล้วมีเหตุผลมากกว่าผู้นำประเทศบางคน พร้อมยืนยันว่าเรายืนอยู่ข้างประชาชนตลอด