ครม.ไฟเขียว แผนกู้เงินอุ้มกองทุนน้ำมันฯ 1.5 แสนล้าน คืนหนี้ 7 ปี

ครม.ไฟเขียว แผนกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.5 แสนล้านบาท ให้กรอบเวลา 7 ปี ทยอยกู้-ชำระหนี้ เผยกองทุนน้ำมันฯติดลบ 1.2 แสนล้านบาท รายจ่ายมากกว่ารายรับ

วันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ดังนี้

แผนการกู้เงิน ส่วนที่ 1 การกู้ยืมในวงเงิน 30,000 ล้านบาท ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 ทยอยกู้ 2 ครั้ง และ

ส่วนที่ 2 วงเงินกู้ส่วนที่เหลืออีก 120,000 ล้านบาท ทยอยกู้ 6 ครั้ง

แผนการใช้จ่ายเงินกู้ ส่วนที่ 1 วงเงิน 30,000 ล้านบาท ทยอยใช้จ่ายเงินกู้ (เบิกเงินกู้) ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 จนถึงกุมภาพันธ์ 2566 และส่วนที่ 2 วงเงิน 120,000 ล้านบาท ทยอยใช้เงินกู้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 จนถึงกรกฎาคม 2566

แผนการชำระหนี้ ภายใน 7 ปี ทยอยชำระหนี้คืนตั้งแต่สิงหาคม 2566 และชำระหนี้ครบถ้วนภายในเดือนตุลาคม 2572

ส่วนที่ 1 การกู้ยืมวงเงิน 30,000 ล้านบาท ทยอยชำระหนี้ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และชำระหนี้ครบถ้วนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

และส่วนที่ 2 การกู้ยืมวงเงิน 120,000 ล้านบาท ทยอยชำระหนี้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และชำระหนี้ครบถ้วนภายในเดือนตุลาคม 2572

“สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2565 มีสถานะติดลบ 125,690 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันยังมีวิกฤตด้านน้ำมันเชื้อเพลิงจากสงครามรัสเซียกับยูเครนไปถึง พ.ย. 65-ก.พ.ปี’66 ซึ่งเข้าช่วงฤดูหนาว ทำให้ราคาน้ำมันโลกผันผวน และส่งผลกระทบกับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค โควิดและน้ำท่วม

กองทุนน้ำมันฯจึงยังมีความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพ ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีรายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่ ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565 มีรายจ่ายสุทธิ 222 ล้านบาทต่อวัน 6,882 ล้านบาทต่อเดือน” นายอนุชากล่าว