ประยุทธ์ไม่ตอบแยกทางบิ๊กป้อม ครม.กินข้าวเที่ยง ยังไม่คิดย้ายพรรค

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
Photo : thaigov.go.th

นายกฯประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามข่าวลือแยกทางกับ พล.อ.ประวิตร ขออยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข ด้านสมศักดิ์-สุริยะ แทงกั๊ก สามมิตรอยู่ฝ่ายไหน ให้รอถึงเดือนมกราคม 2566

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับบรรดารองนายกรัฐมนตรี ที่ตึกสันติไมตรี หลังใน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จบลง กระทั่งเวลาประมาณ 12.50 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากตึกสันติไมตรี ผ่านทางเชื่อมเพื่อขึ้นไปทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการตอบคำถามของสื่อมวลชน ถึงกรณีความชัดเจนอนาคตทางการเมือง หลังจากมีกระแสข่าวเข้าไปลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อทำงานการเมืองร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะประกาศจุดยืนทางการเมืองเมื่อไหร่ และจะแยกทางทางการเมืองกับ พล.อ.ประวิตรจริงหรือไม่ และจะยุบสภาเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ยกมือรับไหว้ทักทายสื่อมวลชน ก่อนกล่าวว่า “สวัสดีจ้ะ ขอให้อยู่ในบรรยากาศช่วงเวลาแห่งความสุขก่อนแล้วกันนะจ้ะ” ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าในทันที

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ในวันที่ 24 พฤศจิกายนว่า ใช่ ๆ นายกฯจะไปงานเกษตร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ในช่วงนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์มีข่าวว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น จะทำให้ถูกมองว่านายสันติจะย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ไปด้วยหรือไม่ นายสันตินิ่งและไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะนั่งรถยนต์ออกไป

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวสั้น ๆ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สรุปแล้วกลุ่มสามมิตรจะตามไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ ว่า “ตอนนี้เราดูบอลโลกกันอยู่ครับ”

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวในกรณีเดียวกันว่า ตอนนี้มีข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ จึงทำให้เราต้องรวบรวมข้อมูลเพื่อตัดสินใจ การเมืองจะเอาเรื่องของความรักความชอบไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูให้ครบถ้วน

ตนเคยบอกว่าช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้ข้อมูลมันเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว จึงทำให้ต้องดูข้อมูลกันใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์กับประเทศสูงสุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าโดยส่วนตัวแล้วสามมิตรยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่ตอบ เพราะได้ตอบไปแล้ว ถ้าเอาไปวิเคราะห์กันก็จะวิเคราะห์ออก มันเป็นเรื่องข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จึงต้องว่ากันด้วยข้อมูลใหม่ จะไปพูดกันว่า เราชอบไม่ชอบ รักไม่รัก แล้วตัดสินใจไปร่วมหัวจมท้าย ทางการเมืองมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรื่องของข้อมูลและความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นเข้ามาด้วย

“ขณะนี้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงใหม่หมดแล้ว จึงต้องล้างเมโมรี่เก่าออกให้หมด และทำใจให้นิ่ง แล้วคิดต่อไปว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป”

เมื่อถามว่า จะยึดเอากระแสประชาชนเป็นหลักใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ ซึ่งตนก็พูดไปชัดเจนแล้ว

เมื่อถามว่า ปัจจัยที่จะต้องทำให้คิดใหม่คือเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะอยู่หรือไม่อยู่ และกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะกลับเข้ามาพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็เรื่องของการเมืองทั้งหมด เราบูรณาการ เราจะไม่เน้นไปเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยภาพรวมทั้งหมดเราจะต้องวิเคราะห์ ให้ถึงแก่นแกนของปัญหา และการที่จะก้าวเดินต่อไป ซึ่งการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันต้องมีข้อมูลให้ครบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จังหวะเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า มันกำหนดเวลาไม่ได้ เพราะตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างที่จะต้องดู การเมืองทั้งหมด

นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังการประชุม ครม.เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าจะไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดในเวลานี้ รอให้ถึงเดือนมกราคม 2566 ก่อนแล้วกัน