คำต่อคำ สุชาติ ชมกลิ่น เปิดใจลาออก พปชร. จุดยืนใหม่ไปกับ ประยุทธ์

สุชาติ ชมกลิ่น
สุชาติ ชมกลิ่น

สุชาติ ชมกลิ่น เปิดตัว ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดทางเก้าอี้ผู้อำนวยการพรรค-สานต่อภารกิจประยุทธ์เป็นนายกฯ สมัยสาม

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน แถลงข่าวเปิดใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีผลให้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค พปชร. ว่าการเมืองครั้งต่อไปที่จะถึงในอนาคตนั้น ผมก็คงต้องทำตามภารกิจที่ผมคิดไว้ในใจ ผมลาออกจากกก.บห.พรรค พปชร. จริง และผมได้ไปกราบ และได้ไปเล่าความรู้สึกให้ท่านหัวหน้าพรรคทราบ ขอให้ลุงป้อมเข้าใจผมพอคนเดียว คนอื่นผมไม่ได้คิดอะไรมาก ซึ่งท่านเข้าใจผม เพราะที่ผ่านมาผมทำงานในสิ่งที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ในระยะเวลาที่ท่านเมตตาผมมา

“ท่านเข้าใจ ท่านรับทราบ เข้าใจผม เพราะผมมีความชัดเจน ตรง ๆ พูดจริง พูดตรง และผมก็ยังให้ความเคารพท่านอยู่ แม้ผมจะไม่ได้อยู่ใน กก.บห.ในวันนี้ แต่ผมอยากเห็นความชัดเจน อยากให้เกิดความชัดเจนมากกว่า ผมไม่อยากเห็นว่าผมเป็นตัวขวาง ตัวถ่วงของใคร”

ส.ส.ที่จะตามมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ?

ไม่ได้ไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ในทางการเมือง เราแค่มองอนาคตทางการเมืองในพื้นที่ของผม ของเพื่อนที่มีความสัมพันธ์กัน ผูกพันกัน ที่มีความคิดของตัวเอง ถ้าใครคิดว่าในพื้นที่อยู่ตรงไหนแล้วสามารถทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองได้ หรือสามารถเข้ามาเป็นผู้แทนฯได้ในสมัยหน้า เราไม่สามารถไปการันตีเส้นทางชีวิตการเมืองของเพื่อนได้ อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคน ตัวผมเองก็ต้องตัดสินใจทางการเมืองของผมก่อน

ที่บอกว่าไม่อยากเป็นตัวถ่วง ตัวขวางใคร หมายความว่ามีความขัดแย้ง ?

ไม่ได้ขัดแย้ง ก่อนหน้านี้ที่ผมโพสต์ไป ถ้ามีอะไรขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างที่นักข่าวหรือสื่อมวลชนทุกคนที่ให้ข่าวกันไปแล้ว ผมก็ต้องแสดงจุดยืนในการที่จะต้องไปกับท่านนายกฯ สมมุติว่ามันมีเหตุการณ์ ถ้าเกิดผมพูดอย่างนี้ไปแล้ว ผมยังอยู่ในพรรค ซึ่งพรรคกำลังเติบโต หรือผมทำให้เขาไม่สบายใจ ผมก็ต้องพิจารณาตัวผมเอง

เมื่อไหร่จะชัดเจน ?

ผมก็ต้องรอความชัดเจนของสถานการณ์ที่มันจะเกิดขึ้น บางอย่างผมพูดตอนนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ผมพูดไม่ได้จริง ๆ แต่ว่า ผมก็ต้องแสดงความรับผิดชอบและจุดยืนของผม

จากที่ผมดูจากผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเอง เขาจะได้สบายใจ เพื่อน ส.ส.หรือ กก.บห.พรรคท่านอื่น และมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่พร้อมจะทำหน้าที่นี้เยอะแยะ เราไม่พร้อม เราก็ต้องถอย

ตอนนี้ใจไม่ได้อยู่พลังประชารัฐ ?

ผมมองว่า ตัวแปรสุดท้ายมันไม่ใช่ใจ มันอยู่ที่ผมต้องไปทำอะไรมากกว่า ภารกิจผม จะไปบอกว่าใจผมไม่ได้อยู่พลังประชารัฐก็ไม่ใช่ เพราะผมก็รักลุงป้อม แต่ภารกิจของผมมีความสำคัญที่จะต้องทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองบางอย่าง ผมคิดว่า สิ่งที่ผมไปตรงไหนแล้วผมทำประโยชน์ได้ที่สุด ผมก็ต้องทำตรงนั้น

จุดอ่อนของพรรคพลังประชารัฐ คือ อะไร

ต้องยอมรับว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ใช่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ทุกพรรค มีทั้งคนเข้าคนออก เป็นเรื่องปกติ อยู่ที่ว่า บริบท สถานการณ์ในวันนี้ หรือวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น อยู่ตรงไหนแล้วทุกคนคิดว่าทำงานแล้วสามารถที่จะไปสู่เป้าหมายในความคิดตัวเองได้ ก็อยู่ตรงนั้นมากกว่า ไม่มีจุดอ่อนหรอกครับ ทุกพรรคมีจุดแข็ง จุดอ่อน มันไม่มีพรรคใดที่แข็งพรรคเดียว หรือจะอ่อนไปทั้งหมด อยู่ที่ว่าบริบทตัวเราเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนไหนมากกว่า

ประเมินอย่างไรถ้า พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตรแยกทางกันจะเป็นอย่างไร ?

ยังไม่เกิดขึ้นเป็นภาพชัดเจน รอถึงวันนั้นแล้วก็จะเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง วันนี้ยังพูดไม่ได้ เพราะทั้ง 2 ท่าน (พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร) ก็มีความรักเหมือนผม ผมก็ยังรักท่านลุงป้อมเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ในทางการเมืองมันก็มีความจำเป็น เหมือนกับเราต้องเลือกในสิ่งที่เราคิดว่าได้ประโยชน์ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้

เป็นจุดยืนเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ?

ทุกสิ่งทุกอย่างผมก็ต้องไปช่วยท่านนายกฯ

นายกฯไปไม่ได้ ? (ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ)

ตัวตนผมอยู่ที่ท่านนายกฯ ตัวผมอยู่กับท่านนายกฯ เป็นหลัก

บางอย่างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและตัดสินใจได้ยากมากเหมือนกัน บางอย่าง เหมือนเรามีคนรัก คุณพ่อ คุณแม่ อยู่ด้วยกัน และมีความจำเป็นต้องแยกกันอยู่คนละจังหวัด คนละประเทศ ท่านจะเลือกยังไง เหมือนกับท่านทำธุรกิจ

ถ้าเลือกได้ไม่อยากเห็นบ้านแตก ?

ไม่ใช่บ้านแตก เขายังมีความรักกันอยู่ แต่ด้วยภารกิจบางอย่าง คุณพ่อคุณแม่รักกันอยู่ แต่จำเป็นต้องไปข้าราชการไปอยู่จังหวัดนู้น ประเทศนี้ เราเป็นลูกเราก็ต้องคิดว่า เราจะทำอย่างไร

เหมือนแยกกันตี

มองได้หลายมุม เพราะความรักยังมีกันอยู่ทั้งหมด ไม่ได้ทะเลาะกัน

ทุกคนที่เป็นสมาชิกในพรรค หรือเป็น ส.ส.ในพรรค หัวหน้าพรรคหรือลุงป้อม ดูแลพวกเราเหมือนคนในครอบครัว ดูแลพวกเราอย่างดีอยู่แล้ว แต่ในทางการเมือง บริบทแต่ละพื้นที่ แต่ละจุดยืน หรือภารกิจอุดมการณ์มันปรับเปลี่ยนตามสถานะห้วงเวลา

ตัวผมเองชัดเจนเป็นเดือนแล้ว และถ้าผมชัดเจนแล้ว ผมยังอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค หรือ กก.บห.พรรค มันก็เป็นที่ทำให้คนอื่นที่มีความสามารถทำตรงนี้ เราสู้เราถอยดีกว่า ถอยออกมาให้คนอื่นที่มีความสามารถและมีความพร้อมทำตรงนี้แทนเรา ผมเป็นลูกผู้ชายที่เราต้องยอมรับความจริง และเราเองก็ต้องไปกราบลาลุงป้อมในเรื่องของการที่เราขอลาออกจาก กก.บห.พรรค ท่านก็เข้าใจและทราบเหตุผล

ยืนยันว่าจะไม่ย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติทั้งในตอนนี้และอนาคต ?

ผมพูดไม่ได้ เป็นเรื่องอนาคต การเมืองทุกคน บางคนบอกวันนี้อยู่ตรงนี้ ไม่กี่วันไปที่อื่นได้เลย ผมเองก็ต้องรอ

พล.อ.ประยุทธ์ไปไหนก็ไปด้วย ?

ใช่

อีกเหตุผลเกี่ยวกับกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสจะกลับมา ?

ไม่เกี่ยว คนอื่นไม่ได้มีผลอะไรในการตัดสินใจ อยู่ที่ตัวผมเอง

นักการเมืองทุกคนเป็นผู้เสียสละ ผมพยายามสร้างสมดุลทางการเมืองให้มีความชัดเจน ให้ทุกคนมองว่านักการเมืองไม่ใช่แบบที่ทุกคนมองเหมือนในอดีต ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ตัวเอง เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง

ถ้าผมไม่อยู่ตรงนี้จะทำให้ผมสอบผ่าน สอบไม่ผ่าน หรือเป็นฝ่ายค้าน เป็นเรื่องอนาคต ผมไม่ได้สนใจ ผมสนใจวันนี้ว่า สิ่งที่ผมทำต้องได้ประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองที่สุด ผมก็จะทำ ผมไม่ได้ยึดติด เราต้องมองประชาชนและประเทศชาติเป็นหลักมากกว่า