คอลัมน์ : รายงานพิเศษ
สำหรับนักการเมือง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่…) พ.ศ. … ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นลอตเตอรี่
เพราะร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. “สูตรหาร 100” ของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ล้วนเป็นจุดตัดอนาคตทางการเมือง ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในปี 2566
หาก พ.ร.ป.เลือกตั้ง ถูกตีตก เพราะมีถ้อยคำขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ คำถามที่ต้องถามกันทั่วยุทธจักรการเมือง คือ จะเอากฎหมายที่ไหนมาใช้ในการเลือกตั้ง ในเมื่อวาระของสภาผู้แทนราษฎรเหลือเพียงแค่ 4 เดือน
อีกมุมหนึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญ ให้ ร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.สูตรหาร 100 ผ่านไปได้ ทุกพรรคการเมืองต้องไปกำหนดยุทธศาสตร์เลือกตั้งโดยพลัน มีทั้งพรรคที่ได้เปรียบ และเสียเปรียบ
“สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า นักวิเคราะห์กลเกมการเมือง-สูตรการเลือกตั้งตัวท็อป มองว่า ทุกพรรคเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสูตรหาร 100 ไว้แล้ว
พลังประชารัฐเหลือแค่ 40 ที่นั่ง
หากแยกเป็นตามพรรคที่จะได้ประโยชน์-เสียประโยชน์ “สติธร” วิเคราะห์เริ่มจาก พรรคพลังประชารัฐ ที่มี “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค บนสมมุติฐานที่ไร้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ
พรรคพลังประชารัฐ เดินเข้าสู่สูตรหาร 100 เน้น ส.ส.เขตเป็นหลัก ไม่สะเทือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ตีจากไป เพราะ ส.ส.ที่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ คือคนที่เกาะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน ซึ่งไม่ได้ขายลุงตู่อยู่แล้ว “ลุงตู่ไปยิ่งดี”
“ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่ พรรคเขายิ่งฟรีสไตล์ วันดีคืนดีหลังเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยไปชวนร่วมรัฐบาล เขาก็ไปร่วมได้ ในเชิงจิตวิทยา สมมุติเป็นพรรคที่พร้อมร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แล้วไปแข่งในพื้นที่ เผลอ ๆ ชาวบ้านก็ใจอ่อนมาเลือกให้ เพราะเขาดูที่ตัว ส.ส. ถ้าตัวบุคคลของพรรคพลังประชารัฐ เก๋ากว่าพรรคเพื่อไทย ก็อาจจะเลือก ถ้ากระสุนดี แรงสนับสนุนยังแน่น ๆ อยู่ก็อาจจะชนะในเขตนั้น”
สติธร อ่านชะตาพรรคพลังประชารัฐว่า การเลือกตั้งรอบหน้า ถ้าไร้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะได้ประมาณ 40 เสียง
รวมไทยสร้างชาติ ต้องได้ 80 คน
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค ชุลมุนกับข่าวลือ ข่าวปล่อย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะย้ายมาพรรคแห่งนี้
“สติธร” อ่านว่า ถ้า 2 ลุง ตู่-ป้อม แบ่งกันทำเกมการเมือง ทัพใหญ่ของ ส.ส.ก็ต้องเลือกเดินตาม พล.อ.ประยุทธ์
พรรครวมไทยสร้างชาติ จริง ๆ ก็จะได้ประโยชน์จากสูตรหาร 500 มากกว่า สูตรหาร 100 แต่เมื่อเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สูตรหาร 100 ก็จะเหนื่อยหน่อยเวลาหาเสียง เพราะต้องหาเสียงคู่ ทั้ง ส.ส.เขต และชูกระแสลุงตู่ไปพร้อมกัน
ส่วน “ลุงตู่” จะได้เป็นนายกฯ อีกหรือไม่ “สติธร” วิเคราะห์ว่า ดูที่เขตว่าจะได้ ส.ส.เขตได้มากแค่ไหน แต่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องบวกกับพรรคพลังประชารัฐ ให้ได้ 125 เสียง
“เพราะถึงจังหวะที่ต้องแยกกันเดิน กำลังส่วนใหญ่ต้องย้ายกลับมาอยู่กับฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็ปักหมุดเฉพาะเหนือ อีสาน รวม ๆ กันแล้วไม่น่าจะเกิน 40 เสียง”
“เพราะภาคตะวันออก ภาคกลาง กทม.และภาคใต้ ก็ต้องไปเก็บไปรวมไทยสร้างชาติ เมื่อแยกออกมา 2 พรรค พล.อ.ประวิตร ต้องเก็บเสียงส่วนน้อยเอาไว้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเอาเสียงส่วนใหญ่ไป เป้าหมายรวมกันให้ได้ 125 เสียง เพื่อยันให้ได้ตัวนายกฯ เอาไว้ก่อน”
“แล้วบวกกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย รวมกับ ส.ว. 250 คน ให้ได้เกิน 375 เสียง เพื่อโหวตนายกฯ จากนั้นค่อยตกเขียวไปหาลิง ไปหางูเห่ามาเติม แต่ถ้าลำพังเสียงยังไม่พอ ก็ต้องดูดฝ่ายตรงข้าม ซื้อเอาหน้างาน”
“ทาร์เก็ตของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ 80 เสียง เพื่อให้ตนเองดูดีที่สุดเพื่อให้ชนะภูมิใจไทย เพื่อสง่างาม คราวนี้ต้องดูดกันเต็มที่ ได้ไม่ได้ไม่รู้ เขาคิดว่าเคยทำได้มาแล้วกับพรรคพลังประชารัฐ”
ภูมิใจไทยสบาย-ประชาธิปัตย์ เจ็บหนัก
“สติธร” วิเคราะห์พรรคภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ 2 ตัวแปรการเมืองว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่เตรียมพร้อมกับเกมหาร 100 อยู่แล้ว เพราะเขาวางแนวไว้ชัดว่าลุยเลือกตั้ง ส.ส.เขต ชนะที่เขตคือจบ ไม่ต้องลุ้นแต้ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ บวกเพิ่มหรือไม่
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะต่ำกว่าการเลือกตั้งปี’62 ที่ได้ 53 เสียง ยิ่งมีพรรครวมไทยสร้างชาติมาแย่ง ส.ส.ไป
เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องเป็นพรรคขนาดใหญ่พอสมควร ต้องเอาคนที่มีฐานเสียง มีกระแสตัวบุคคล มาบวกกับ “กระแสลุงตู่” ก็จะชนะได้ แต่ประชาธิปัตย์จะเจ็บหนักถูกแซะไปเรื่อย ๆ
เพื่อไทย ฉลุย-ก้าวไกล เหนื่อย
ส่วนซีกฝ่ายค้าน สติธร วิเคราะห์พรรคเพื่อไทย มีโอกาสแลนด์สไลด์จากสูตรหาร 100 ได้ โดยขอให้ชนะที่เขตได้เยอะ ๆ ไว้ก่อน จากนั้นค่อยมาดู ส.ส.บัญชีรายชื่อจะได้เท่าไหร่ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ 200 เขต บวก ส.ส.บัญชีรายชื่อ 30 เสียง ก็จะได้ 230 เสียง
ส่วนโอกาสของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งสูตรหาร 100 ไม่มีทางถึง 80 เสียง ถ้าใช้สถิติเก่ามาคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
“ยกเว้นคนผิดหวังพรรคเพื่อไทยอย่างแรง แล้วเอาคะแนนไปเลือกพรรคก้าวไกลแบบเละเทะที่ ส.ส.เขต ก็มีโอกาส เพราะคนต้องรู้สึกว่าไม่โอเคกับพรรคเพื่อไทยอย่างแรง แล้วคะแนนจะเหวี่ยงมาที่เขต อาจชนะได้ 60 เขต แต่อย่าไปสะดุดขาตัวเอง”
“พรรคก้าวไกลมีกระแสอยู่แล้ว แต่ฐานเสียงในพื้นที่ไม่พอ เวลาเลือกตั้งแต่ละครั้งกระแสของพรรคมีแค่ 10-20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สมมุติผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1 แสนคน จะเป็นคะแนนกระแส 2 หมื่นคะแนนการแข่งที่เขตเลือกตั้งต้องชนะ 3 หมื่นคะแนนอัพ ถ้าไม่มีคะแนนบุคคลมาเติม 1 หมื่น-1.5 หมื่นคะแนน ก็ชนะยาก”
จัดตั้งรัฐบาลยาก
ถ้าหากพรรคเพื่อไทย ที่จะได้ 230 เสียง จะเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ “สติธร” วิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยงานจะยากขึ้น เพราะต้องไปลุ้นว่าพรรคก้าวไกลได้เท่าไหร่ ถ้าพรรคก้าวไกลได้ 60 เสียง ก็เป็น 260 เสียง ส่วนพรรคเสรีรวมไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ๆ รวมกันได้ 5 เสียง เป็น 265 เสียง ก็ยังเสียว
“เพราะอาจมีการทำผิดกติกาเลือกตั้ง ใบเหลือง ใบแดง รวมถึงจะโดนดูด โดนซื้อหรือเปล่า และต้องไปดูว่า ลุงตู่ ลุงป้อม รวมกันแล้วได้ 125 เสียงไหม ก็จะเหนื่อยขึ้น”
ดังนั้น ต้องได้ 280 เสียง เป็น “ขั้นต่ำ” แม้ยังไม่การันตีได้เป็นรัฐบาล เพราะจะโดนดูด โดนซื้อ โดนแซะ ก็ยังพออยู่เกิน 250 เสียง เริ่มขึ้นสู่เซฟโซน แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นต้อง 300 เสียงขึ้นไป
พรรคตระกูลสร้าง รวมกันเราอยู่
สำหรับพรรคเกิดใหม่ในสูตรหาร 100 สติธรอ่านทางว่า พรรคไทยสร้างไทย ยังอาจจะได้ ส.ส.เขต แต่พรรคสร้างอนาคตไทย ที่ชู “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นนายกฯ ยังหาเขตไม่เจอ เช่น พัทลุง จะไปสู้ภูมิใจไทย หรือ ส.ส.อีสาน ที่ได้มา คือตัว ส.ส.ที่พรรคเพื่อไทยโละแล้ว อยู่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ลง เขาก็ต้องถอยมาลงพรรคอื่น
“พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยสร้างไทย ไม่รวมกันก็แย่ ต้องชวนพรรคอื่น ๆ มารวมกันอีก ต้องชวนชาติพัฒนากล้ามาร่วมด้วย”
ส่วนพรรคเล็ก ๆ 1 เสียง ต้องไปหาที่รวมกับพรรคใหญ่ มีแนวโน้มเป็นรวมไทยสร้างชาติ เพราะโอกาสพรรคเล็กจะได้ ส.ส. 1 คน ต้องใช้คะแนน 1 แสนเสียงขึ้นไป ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก เพราะคะแนนตอนเลือกตั้งปี 2562 ยังได้คะแนนแค่ 3-4 หมื่นคะแนนเท่านั้น