ภูมิใจไทยพลิกขึ้นนำพลังประชารัฐโชว์ 98 นักเลือกตั้งขวางชัยชนะเพื่อไทย

ภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทย ติดเทอร์โบพลังดูด เมื่อ 31 ส.ส.จาก 9 พรรคการเมือง ทยอยลาออกจากการเป็น ส.ส. เตรียมไปเปิดตัวในงานฉลองการรีโนเวตที่ทำการพรรคใหม่ ในวันที่ 16 ธันวาคม 2565

การลาออกครั้งใหญ่ของ ส.ส.เกิดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม เพื่อไปซบพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 11 คน ได้แก่ 1.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. 2.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. 3.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. 4.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 5.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ

6.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม 7.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 8.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 9.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี กาญจนบุรี 10.นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี 11.นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี

พรรคเพื่อไทย จำนวน 7 คน ได้แก่ 1.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 2.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. 3.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 4.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี 5.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก 6.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา 7.นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา

พรรคก้าวไกล 5 คน 1.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี 2.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย 3.นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย 4.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5.นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ

พรรคเศรษฐกิจไทย 2 คน 1.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก 2.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี

พรรคชาติพัฒนา 1 คน นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน น.ส.นันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ 1 คน นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง 1 คน น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และพรรคเสรีรวมไทย 1 คน นายเดชทวี ศรีวิชัย อดีต ส.ส.ลำปาง พรรคเสรีรวมไทย

พอถึงวันเปิดตัวพรรคก็มี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ มาเพิ่มอีก 3 คน คือ นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี และ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี และ รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.เชียงราย

ขณะเดียวกัน ยังมีนักการเมืองหน้าใหม่ หน้าเก่า มาร่วมทัพ เช่น “สีหเดช ไกรคุปต์” พี่ชาย “ปารีณา ไพรคุปต์”  อดีต ส.ส.ราชบุรีพลังประชารัฐ ที่มาสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทย

โดย ปารีณา กล่าวว่า วันนี้มาเป็นเพื่อนพี่ชาย การตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค ภท.เป็นการตัดสินใจของพี่ชายเพียงคนเดียว ทุกพรรคการเมืองดีหมด พี่ชายตัดสินใจเอง เพราะพี่น้องเป็นนิติบุคคล มีความคิดเป็นของตัวเอง ตนเคารพความคิดของคนในครอบครัว และส่วนตัวพร้อมให้คำแนะนำ พร้อมทั้งให้กำลังใจพี่ชายอยู่ตลอด ทั้งนี้ พี่ชายของตนจะลงสมัครในเขตพื้นที่เดิมของตน ซึ่งมีความมั่นใจ 100 ล้านเปอร์เซ็นต์

ตนไม่ช่วยหาเสียง แต่เวลาพี่ชายหาเสียงก็จะไปเป็นเพื่อน หรือไปเจอกันตามงานต่างๆบ้าง เพราะตนก็เป็นอดีต ส.ส.ในพื้นที่

 “ปารีณา” ยังกล่าวว่า รักพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปลร. ที่สุดใน 3 โลก ทุกวันนี้ยังไปหาท่านอยู่ และท่านเมตตาให้พบเสมอ

ขณะที่ สามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่ปีนี้ย้ายถึง 3 พรรค คือ ช่วยไทยสร้างไทย สร้างฐานการเมืองที่ภาคเหนือ ก่อนจะกลับบ้านเก่าที่พรรคเพื่อไทย และล่าสุดมาปรากฏตัวที่พรรคภูมิใจไทย

“สามารถ” บอกเหตุผลที่มาลงเอยที่ภูมิใจไทย ว่า ที่ไหนที่มีความจริงใจ ที่ไหนที่มีความอบอุ่น และสามารถทำงานให้บ้านเมืองได้ เราก็มา ก็มีทางเลือกแค่นี้ เราไม่ได้คิดจะทิ้งพรรคเก่าพรรคเพื่อไทย

“เราไม่ได้ทิ้งพรรคเก่า พรรคเพื่อไทยทิ้งผมเอง อยู่ดีๆ เขา (พรรคเพื่อไทย) ก็เอาคู่แข่งที่มาแข่งกันมา 20 กว่าปีมาลงแทนโดยไม่บอกไม่กล่าว เห็นเราไ่ม่มีตัวตน ทั้งที่เราทำงานให้พรรคมา 20 กว่าปี เมื่อเป็นอย่างนี้ เราต้องเลือกพรรคที่จริงใจ ให้ความอบอุ่นแก่เรา”

ขณะที่ “กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา” ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ นำดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี พร้อมกล้่าวว่าจะลาออกจากพรรคพลังประชารัฐเพื่อลงเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ในนามพรรคภูมิใจไทยร่วมกับ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่มาสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทย เช่นเดียวกัน

ด้านนายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ  ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้ทิ้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ในฐานะส.ส.กทม. เรามีโจทย์ในการทำงานคราวหน้าอยู่ที่ว่าทำอย่างไรเพื่อเราจะเป็นทางเลือกให้พี่น้องประชาชน ซึ่งเราก็ไปตีโจทย์ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ

ซึ่งกลุ่มส.ส.กทม.ที่ย้ายมาเห็นร่วมกันว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ที่ดูกระทรวงอื่นๆ ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ท่านพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 4 ปีที่ผ่านมา เป็นกำลังสำคัญให้รัฐบาล โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดภายใต้การกำกับของนายอนุทินที่ได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก

ขณะที่กระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าในพื้นที่กทม. ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการดูแลความเป็นอยู่ และชีวิตที่ดีของคนกทม. ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจที่จะมาร่วมงานพรรคภูมิใจไทย

จาก 51 เสียงทะลุ 98 เสียง

จุดตั้งต้นของพรรคภูมิใจไทย การเลือกตั้งปี 2562 เข้าป้ายมาเป็นอันดับ 3 มีเพียงแค่ 51 เสียงในสภา

แต่ภายหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ พลังดูดก็เริ่มทำงาน สามารถดูด ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ 11 คน เสียง ส.ส.ในกำมือขยับเป็น 61 เสียง

กระทั่งเวลาผ่านไปพรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.ในมือกว่า 70 เสียง

ในวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา อันเป็นวันเกิด “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด มี ส.ส.งูเห่าไปร่วมงานวันเกิดกว่า 28 คน

ส.ส.อีสาน คู่แข่งพรรคภูมิใจไทย นินทาลับหลังว่า ภูมิใจไทยเรียก ส.ส.งูเห่าไปเช็กชื่อ ! เช่นเดียวกับอีเวนต์เปิดตัวโฉมใหม่ที่ทำการพรรคในวันที่ 16 ธันวาฯนี้ก็มีลักษณะไม่ต่างกัน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์วันนี้ หากวัดพลังพรรคใหญ่-ตัวแปรการเมือง โดยนำจำนวนตัวเลข ส.ส.ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้ของแต่ละพรรค รวมกับ ส.ส.ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละพรรค รวมงูเห่าที่ย้ายเข้า-ย้ายออก

ในซีกรัฐบาล ตอนนี้มี ส.ส.รวมทั้งสิ้น 250 เสียง

พรรคภูมิใจไทย ดูเหมือนมีพลังทางการเมืองมากที่สุด เพราะมี ส.ส.ในสภาที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ 62 เสียง แต่เมื่อรวมกับ ส.ส.งูเห่าต่างพรรคที่ยอมลาออกจาก ส.ส.เพื่อมาเข้าพรรคภูมิใจไทย 34 คน และ ส.ส.ที่อยู่ระหว่างการหยุดปฏิบัติหน้าที่อีก 2 คน เท่ากับว่า พรรคภูมิใจไทยกำนักเลือกตั้งที่มี “ต้นทุน” ส.ส.ปัจจุบันไว้ในมือรวมกว่า 98 คน

พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล หากนับ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้มี 85 คน ถือว่ายังมี ส.ส.มากที่สุดในฝ่ายรัฐบาล เมื่อรวมกับ ส.ส.ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ 3 คน มีจำนวน 88 คน

แต่หากเทียบต้นทุน ส.ส.จริง ๆ เหลือแค่ 88 คน ถือว่าน้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เหลือ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสภาได้ 51 คน

พรรคเศรษฐกิจไทย เหลือ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 14 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ไป 1 คน รวมเป็น 15 คน

พรรคชาติไทยพัฒนา เหลือ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ 12 คน

ขณะที่ฝ่ายค้าน มี ส.ส.ในสภารวมกัน 192 เสียง

พรรคเพื่อไทย มี ส.ส.มากที่สุดในฝ่ายค้าน และมากที่สุดในสภา เพราะมี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 123 คน แต่มีอีก 2 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีงูเห่าที่ย้ายเข้ามาร่วมใหม่อีก 1 คน คือ จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ที่เคยอยู่พรรคก้าวไกล จึงรวมได้ 126 คน

พรรคก้าวไกลที่ถูกดูด ส.ส.ไป 5 คนในรอบนี้ เหลือ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 45 คน

พรรคเสรีรวมไทย โดนดูดไป 1 คน จึงเหลือ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 10 คน

แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ภายหลังมีนักการเมืองในสังกัดร่วมร้อยคนว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทยจะมีอดีต ส.ส.ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง 100 กว่าคน แต่ตามสถิติการเลือกตั้ง จะมี ส.ส.เก่าที่หายไปเพราะสอบตก ประมาณ 35-40% ดังนั้น จึงคาดว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 70-80 ที่นั่ง

หนูไม่ทิ้งราชสีห์

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า “หนู” จะไม่ทิ้ง “ราชสีห์”

“หนูก็เป็นหนูวันยังค่ำ เป็นหนูที่พร้อมช่วยถ้าราชสีห์ทำงานให้บ้านเมือง แบบนั้นก็ไปด้วยกันได้ หนูตะปบเสือไม่ได้ก็ไปช่วยราชสีห์ทำงานได้”

ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะอัพเกรดเป็น “พรรคใหญ่” หรือไม่นั้น “อนุทิน” ตอบสวนคำถามนักข่าวว่า “เราก็เป็นมานานแล้วไม่ใช่หรือครับ เลือกตั้งครั้งนี้เราส่งครบทุกเขต ต้องขอฝากอนาคตพรรคไว้กับพี่น้องทุกคน ซึ่งคนที่มาสมัครก็มีความมั่นใจ ส่วนพรรคเองก็มั่นใจในตัวของทุกคน ซึ่งสุดท้ายคนที่จะตัดสินอนาคตก็คือประชาชน”

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านเมตตาพวกเราเสมอ โดยเฉพาะกับเลขาธิการพรรค ซึ่งเลขาธิการพรรคเป็นหลานเลิฟของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เราพูดคุยตลอด และพูดคุยกับทุกพรรค

นาทีนี้ พรรคภูมิใจไทย ทรงพลัง ขี่คอพรรคพลังประชารัฐ และ 2 ลุง ด้วยการโชว์ศักยภาพนักเลือกตั้งในคาถาเฉียดร้อยคน