ประยุทธ์ VS ประวิตร ระดมท่อน้ำเลี้ยงแบ่งพรรค-แบ่งพวก

ประยุทธ์ ประวิตร

ศึกพรรคพี่-พลังประชารัฐ กับพรรคน้อง-รวมไทยสร้างชาติ ก๊กบิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับก๊วนบิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดุเดือด

หากดูจากการจัดตัว-จัดทัพพรรคพลังประชารัฐ ดึงมือทำงานทั้งใต้ดิน-บนดินกลับฐานที่มั่น อย่าง “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐในตำนาน

ขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัสยัง “หยั่งเชิง” ไม่เข้ามาพรรคพลังประชารัฐเต็มตัว แต่ส่ง “ลูกน้อง” อย่าง “บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์” มาดู “ลาดเลา” พร้อมกับการวางตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ในการเปิดตัว ว่าที่ ส.ส. 4 ภาค 55 ชีวิต

6 จังหวัดภาคเหนือ-สายตรงผู้กองธรรมนัส ประกอบด้วย ลำพูน ได้แก่ นายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์ 2.ลำปาง ได้แก่ นางระพีพรรณ โพธิ์ทอง นายจินดา วงศ์สวัสดิ์ นายดาชัย เอกปฐพี นายสมเกียรติ ตันตระกูล

น่าน ได้แก่ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล นายสกล เนตรโสวรกุล นายฉัตรชัย จิตตรง 4.เชียงราย ได้แก่ นายพันธวัช ภูผาพันธกานต์ นายบุญเกิด ร่องแก้ว

เชียงใหม่ ได้แก่ นายพจนารถ ศรียารัณย นางศรีพรรณ เขียวทอง นายพรชัย อรรถปรียากูร น.ส.มนสิชา ภัคดิเมธี นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ

แม่ฮ่องสอน ได้แก่ นายปกรณ์ จีนาคำ-ลูกชายนายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคเศรษฐกิจไทย นายจำลอง ศรีสวัสดิ์

นอกจากนี้ ยังมี พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเศรษฐกิจไทย กลับคืนรัง

ส่วน “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร “มือขวาธรรมนัส” รอเปิดตัวพร้อมกับ “ลูกพี่” มารับหน้าที่ขุนพลภาคเหนือ หลังปีใหม่ ก่อน “เดดไลน์” วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 พร้อมกับพี่เขย “จีรเดช ศรีวิราช” ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย

ส่วน จุ๊บจิ๊บ-ธนพร ศรีวิราช ภรรยา ร.อ.ธรรมนัส จะกระโดดลงมาเล่นการเมืองอีกคนหรือไม่ ยังต้องลุ้น-อย่ากะพริบตา

ขุนพลอีสานตัวจริง

ขุนพลอีสานตัวจริง-เสียงจริง “วิรัช รัตนเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “ผูกดวง” กับบิ๊กป้อม เดิมพันสูงด้วยบ้านใหญ่รัตนเศรษฐ ชิงนครราชสีมา “ยกจังหวัด”

โดยเฉพาะการส่ง “ทายาทรัตนเศรษฐ” ลงเลือกตั้ง “เมืองย่าโม” ครั้งหน้า ได้แก่ นายอธิรัฐ เขต 7 นายทวิรัฐ เขต 4-นายตติรัฐ เขต 8 และนางอรัชมน สะใภ้บ้านใหญ่รัตนเศรษฐ เขต 9

อีก 1 ขุนพล-มือกฎหมายประจำบ้านป่ารอยต่อ-ข้างกายบิ๊กป้อม “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นั่ง “หัวโต๊ะ” คณะทำงานเกือบหลายคณะ อาทิ คณะกรรมการนโยบายพรรค ล่าสุด คณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป

ฟากพรรครวมไทยสร้างชาติ-องครักษ์บิ๊กตู่คือ เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น ที่มีพรรคพวก “คอเดียวกัน” อาทิ นายรณเทพ อนุวัฒน์ ชลบุรี เขต 3 นายสมพงษ์ โสภณ ระยอง เขต 4 น.ส.ไพริน เทียนสุวรรณ สมุทรปราการ เขต 7

นายสมบัติ อำนาคะ สระบุรี เขต 2 พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา จันทบุรี เขต 1 นายสาธิต อุ๋ยตระกูล เพชรบุรี เขต 2 นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ฉะเชิงเทรา เขต 2 นายสมเกียรติ วอนเพียร กาญจนบุรี เขต 2

แม้ “เสี่ยเฮ้ง” จะสงบศึกกับ “เสี่ยยักษ์” ไปแล้วหลายรอบ แต่ยังมีอะไรในใจ-ติดใจกันอยู่

ทันทีที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เปล่งวาจาอย่างเป็นทางการ-ตอบรับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อไหร่ การเลือกตั้งครั้งหน้าเวทีจะลุกเป็นไฟ

อีก 1 องครักษ์ข้างกายบิ๊กตู่คือ “ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มี ส.ส.ใต้เป็น “กองหนุน” อาทิ นายสายัณห์ ยุติธรรม นครศรีธรรมราช เขต 7 นายศาตรา ศรีปาน สงขลา เขต 2 นายพยม พรหมเพชร สงขลา เขต 3 และ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี สงขลา เขต 4

ส่วน เสี่ยโอ๋-ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ-รมว.ดีอีเอส ต้องจ่ายค่าความไว้วางใจ “สองเด้ง” ทั้งพรรคพลังประชารัฐที่มี “บิ๊กป้อม” เป็นหัวหน้าพรรค-แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พลังประชารัฐ และ “บิ๊กตู่” หัวหน้าคณะรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ

รวมถึงคนที่ตกที่นั่งลำบากที่สุดคือ “สันติ พร้อมพัฒน์” แม่บ้านพรรค-อดีตก๊วน 3 ช. ที่ต้อง “แบ่งเวลา” ให้กับหัวหน้ารัฐบาล-หัวหน้าพรรค และยังต้องร่วมงานกับ ร.อ.ธรรมนัส อีกครั้งชนิดเสียวสันหลัง

วันที่ 14 มกราคม 2566 พรรคพลังประชารัฐจะแต่งตัวกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ และจะเปิดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อ “ระดมทุนครั้งใหญ่” เข้าพรรคในวันที่ 25 มกราคม 2566

ท่อทุนที่เคยหนุนพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว ต้องยอมจ่ายสองต่อ-วางเดิมพันทั้งพรรคพี่-พรรคน้อง