ถอดรหัสจดหมายแยกทาง 2 ป. เลือกพลังประชารัฐไม่ได้ ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

ถอดรหัสจดหมายแยกทาง 2 ป. เลือกพลังประชารัฐไม่ได้ ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

จดหมายเปิดใจของ “พี่ใหญ่-บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ แยกทาง “น้องรัก-บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอกลิ่มความขัดแย้ง-แตกหัก เป็น ฟางเส้นสุดท้ายของ 3 ป.

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังจากเป็นประธานในงานวันสถาปนากองทัพภาคที่ 1 ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถึงจดหมายของพล.อ.ประวิตร ว่า ท่านเปิด ก็พล.อ.ประวิตรเปิด ที่ท่านทำก็เป็นเรื่องของท่าน ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น แล้วเป็นไรล่ะ ผมยังไม่ได้ฟัง ยังไม่ได้ยินนะ แต่ความปรารถนาดีมีให้กันอยู่แล้ว ท่านก็อวยพรผมตลอด

“เราไม่ใช่คนที่ขี้ใจน้อยกันอยู่แล้วนิ่ (ทุกตอนเช้า) มีเวลาก็ไป (ทานกาแฟกับพล.อ.ประวิตร) ไม่ใช่ผมจะมีเวลาไปทุกที่ มองทุกอย่างไปการเมืองหมดได้ยังไง ผมอยู่กับท่านมา 40 50 ปีแล้ว ไม่ใช่ต้องไปแค่วันนี้หรอก ร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกันมาแล้ว ชายดง ชายแดนก็อยู่มาด้วยกันแล้ว อะไรกันนักหนา ไม่เข้าใจ”

“ไม่มี (อะไรที่ต้องการพูดผ่านไปถึงพล.อ.ประวิตร) ต้องพูดอะไรล่ะ ทำไมต้องฝากอะไรกับใครล่ะ ผมพูดกับท่านได้โดยตรงอยู่แล้ว ทำไมต้องฝากใคร แล้วทำไมต้องขุดคุ้ยเรื่องพวกนี้ออกมาให้เป็นประเด็น ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจริง ๆ นะ ผมก็ทนได้ ว่าไปเถอะ แต่ผมไม่จำเป็นต้องตอบทุกอันอยู่แล้ว”

ทันทีที่จดหมายเปิดใจถูกเผยแพร่ลงทางเพจเฟซบุ๊ก บิ๊กก้อง พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า เพจดังกล่าวไม่ใช่เพจของพล.อ.ประวิตร แต่ได้ออกมายอมรับภายหลังว่า “เพจดังกล่าวเป็นของพรรคจริง ขออภัยในความคลาดเคลื่อน”

พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดสงครามและสมุทรสาคร ว่า พรรคเค้ามาสอบถามเรื่องจริงเป็นไงก็ว่าไป 3 ป.forever อยู่แล้ว ไม่มี (ฉบับที่สอง) แล้ว

“เพจ ไม่มีอะไร ทางพรรคเขาทำ ไม่ใช่ (ส่งให้พล.อ.ประยุทธ์) ส่งให้คนทั่วไปได้รู้ว่าทำอะไรบ้าง ไม่มี (ฉบับต่อๆไป) หรอก ดีกันอยู่ ยังดีกันอยู่ ไม่มีอะไรหรอก”

แหล่งข่าวคนใกล้ชิดยอมรับว่า จดหมายเปิดใจดังกล่าว พล.อ.ประวิตรได้ดูก่อนที่จะถูกเผยแพร่แล้ว ไม่ใช่ “จดหมายผิดซอง” หรือ เป็น “มือที่สาม” ยุแยงให้พี่-น้อง ต้องแตกคอ-ผิดใจกัน

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เป็นความรู้สึก-ความในใจของพล.อ.ประวิตรจริง ๆ

ย้อนกลับไปอ่านข้อความในจดหมายของพล.อ.ประวิตร ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยครั้งใหญ่ หลังการรัฐประหารโดย คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ด้วยความจำเป็นของกองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ต้องออกจากกรมกองมายุติวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่ก่อตัวมานานนับปี จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียงประเทศ และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ขณะนั้น ผมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปตั้งแต่ พ.ศ. 2548 จึงทำได้เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมก็ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อหวังจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ให้คืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ต้องยอมรับความจริงว่า คสช.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง เพราะต่างก็เป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต ฝึกฝนเรียนรู้มาในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตัวผมเองก็เช่นกัน แม้จะเคยเป็น รมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเมือง จึงทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพเท่านั้น

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รีบจัดการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลในขณะนั้นก็ตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน และความชอบธรรมของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงการยอมรับจากประชาคมโลก จึงเร่งผลักดันกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว

เมื่อกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงความประสงค์จะทำงานการเมือง โดยอ้างว่าเพื่อสานต่อภารกิจที่ดำเนินการไว้ให้สำเร็จ ผมจึงตัดสินใจสนับสนุนให้มีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งและเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯ ตามที่เจ้าตัวปรารถนา

ในช่วงเวลาของการเป็นแกนนำรัฐบาล มีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจใน ครม. แต่จำเป็นต้องสงวนท่าทีตามมารยาททางการเมือง ประกอบกับยังไม่มีอะไรชัดเจนว่ามติในเรื่องใด ๆ จะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นกับบ้านเมือง

มาบัดนี้ ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงจุดยืนทางการเมืองเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ว่าจะแยกทางจากพรรคพลังประชารัฐที่เคยสนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตรงกับที่สื่อมวลชนไปสืบข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์

ผมเคยกล่าวไว้ว่า “3 ป. Forever” มาวันนี้ ผมก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในเมื่อท่านตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ผมก็ไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ คงจะบอกได้เพียงว่า ผมขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ขอให้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองใหม่ที่ท่านได้ตัดสินใจเลือกแล้ว

สำหรับผม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขอประกาศในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะขอรับผิดชอบและจะไม่มีวันทอดทิ้งสมาชิกพรรคทุกคน ที่เคยทำงานการเมืองมาด้วยกัน และพร้อมจะเดินนำทุกคนที่มีความเชื่อมั่นในความตั้งใจอันแน่วแน่ของผม เข้าสู่การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป เพื่อกลับมาเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง

ถอดรหัสระหว่างบรรทัดในจดหมายของพล.อ.ประวิตร เพื่อต้องการส่ง massage ว่า พี่น้อง 2 ป.ขัดแย้ง – แตกหักกันจริง ๆ ไม่ใช่ “แยกกันเดินรวมกันตี”

ภายใต้ยุทธวิธี “แยกปลาออกจากน้ำ” หรือ เลือกพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติก็เหมือนกัน คือ ได้พล.อ.ประวิตร หรือ ได้พล.อ.ประยุทธ์ คนใดคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี

จึงต้องเขียนจดหมายที่มีเนื้อหาส่งสารไปถึงโหวตเตอร์ ว่า เลือกพลังประชารัฐจะไม่ได้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี