ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ ล้วงเงินนอกงบประมาณ เคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์

ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ

2 พรรค ชูจุดขายด้านเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์ ใช้เงินนอกงบประมาณ ตั้งกองทุน 3 แสนล้านบาท-ธนาคารหมู่บ้านละ 2 ล้าน อุ้มเอสเอ็มอี พลังประชารัฐ สานพลัง รัฐ-เอกชน เคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่โรงแรมพูลแมน รางน้ำ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ เปิดเวทีแรกมติชน : เลือกตั้ง 66 บทใหม่ประเทศไทย #ประชันนโยบาย ภายใต้หัวข้อ “ย้ำจุดยืน ชูจุดแข็ง ประกาศจุดขาย” โดยคีย์แมนจาก 8 พรรคการเมืองเข้าร่วม

ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า

โดยในช่วงที่สอง พรรคการเมืองได้ส่งตัวแทนมาพูดถึงจุดขายด้านเศรษฐกิจ เรื่อง นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ Soft power พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ส่ง นายสนธิรัตน์ มาดีเบต

พิสิฐ ลี้อาธรรม
พิสิฐ ลี้อาธรรม

นายพิสิฐกล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เป็นแหล่งจ้างงาน มีรายได้เข้าประเทศปีละ 2 ล้านล้านบาท ก่อนโควิด-19 มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รายได้หายไปไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท ต้องนำรายได้จากการท่องเที่ยวกลับมา ต้องมีมาตรการมาช่วยธุรกิจโรงแรม

ซึ่งวันนี้ขาดทุน เสียหายมาก ประชาธิปัตย์จึงมีนโยบายช่วยเรื่องเงินทุน ตั้งกองทุน 3 แสนล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนให้เอสเอ็มอี ไม่สร้างหนี้จากเงินงบประมาณ แต่เป็นเงินนอกงบประมาณที่ข้าราชการนั่งทับไว้ ประชาธิปัตย์ตั้งธนาคารใหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท ลงไปในพื้นที่ในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ด้านวัฒนธรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว ส่งออกมวยไทยและอาหารไทย

“ซอฟต์พาวเวอร์ไทยเรามีอยู่แล้ว ที่สำคัญ คือ เงินทุน 3 ปีเราบอบช้ำมาก เพราะรายได้ขาดหายไป ประชาธิปัตย์มีนโยบายชัดเจนให้ซอฟ์พาวเวอร์แข็งแรงขึ้น โดยใช้เงินที่มีอยู่ โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน ไม่ก่อหนี้ใหม่ โดนใช้เงินนอกงบประมาณที่ซุกซ่อนอยู่ในระบบการคลังของเรา เช่น เอสเอ็มอี ไม่ให้ต่างชาติซื้อไป ใส่เงินจากธนาคารหมู่บ้านละ 2 ล้านบาทให้วิสาหกิจชุมชน” นายพิสิฐสรุป

ขณะที่นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ภาคบริการ หัวใจคือซอฟต์พาวเวอร์ คือ ทุนวัฒนธรรม ใส่กลไกซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้เครื่องจักรเศรษกิจที่สำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่าน คือ การท่องเที่ยว หัวใจสำคัญ ถ้าจะต่อยอด คือ อาหาร อาหารไทยสู่ตลาดโลก เฟสติวัล เป็นเสน่ห์ ขายให้ทั้งโลกได้รับรู้ แฟชั่น ฟิล์ม และมวยไทย ขับเคลื่อนให้ไทยมีพลังต่อสู้ให้เศรษฐกิจไทยสู้กับเศรษฐกิจโลก

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

นายสนธิรัตน์สรุปว่า สิ่งแรก คือ นโยบายต้องชัดเจน นโยบายต้องไม่ล้มลุกคลุกคลาน พูดกันด้วยวาทะกรรม แต่ขาดการขับเคลื่นที่แท้จริง คือ งบประมาณเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อน กลไกของรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ต้องปรับแผนงาน รวมถึงองค์กรอิสระที่เกิดขึ้นแล้ว และส่งเสริมเอกชน 3 สิ่งเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย