สุพัฒนพงษ์ชง ครม.ของบฯกลางฉุกเฉินแก้ปัญหาค่าไฟแพง 4 เดือน

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

สุพัฒนพงษ์ขออนุมัติงบฯกลาง อุ้มค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง 4 เดือน เผยค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. ลดค่าไฟได้อีก ถามกลับกรณ์ ยกเลิกค่าเอฟทีใครจะรับผิดชอบ รับลูกพีระพันธุ์ รวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาล ลดค่าเอฟทีเหลือศูนย์

วันที่ 25 เมษายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566

จากมติเดิม 4.77 บาท/หน่วย เป็น 4.70 บาท/หน่วย เท่ากันทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม หรือลดลง 2 สตางค์/หน่วย ว่ามีผลบังคับใช้ได้เลย ไม่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ส่วนการขออนุมัติงบฯกลางเพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติก่อน ส่วนตัวเลขจะอยู่ที่วงเงิน 8,000 ล้านบาทหรือไม่ต้องรอดู

“ผมได้ทำเรื่องเพื่อของบประมาณเข้ามาแล้วที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ซึ่งต้องรอดูตัวเลขงบประมาณ คงจะมีการพิจารณากันวันนี้ รอฟังผลแล้วกัน ผมทำเรื่องมาแล้ว ถ้าไม่ได้ติดเรื่องขั้นตอนอะไร อยากให้เข้าเร็ว เพราะถึงรอบแล้ว ปกติต้องของบฯในช่วงต้นเมษายน เพราะต้องบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม

ซึ่งจะสามารถนำมาคำนวณได้ว่ายอดที่จะใช้ช่วยเท่าไหร่ แต่ยุบสภาก่อน ทำให้ไม่สามารถเร่งได้เร็วกว่ากำหนดไว้ จึงต้องมาของบฯกลางในช่วงนี้ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ มาตรการที่จะดูกลุ่มเปราะบางพยายามดูแลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด” นายสุพัฒนพงษ์กล่าวและว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะช่วยลดภาระประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า อย่างน้อยกลุ่มผู้เปราะบาง หลักการก็จะเป็นเหมือนเดิม ส่วนวิธีการก็ควรจะเป็นโครงการต่อเนื่องจากเดิมที่รัฐบาลทำมาโดยตลอด ดูแลผู้เปราะบางเหมือนเดิม

“ส่วนที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันว่า ค่าไฟฟ้าแพง ต้องแยกระหว่างอัตราค่าไฟเดือนมกราคมถึงเมษายนอัตราเดิมตลอด” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า สำหรับงวดถัดไปในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2566 ตนเชื่อว่า หากราคานำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีแนวโน้มทรงตัวและอ่อนตัวเช่นนี้ คาดว่าค่าไฟฟ้าจะลดลงได้อีก

“กระทรวงพลังงานไม่ได้อยู่นิ่ง ทำงานกันทุกวัน พยายามหาแหล่งพลังงานที่ไม่แพงมาทดแทน หรือการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีราคาถูกทำให้ลดลงมาเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วยได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะสูงกว่านี้” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าท้วงติงว่า ลด 2 สตางค์ต่อหน่วยน้อยเกินไป และเสนอว่าควรยกเลิกคิดค่าเอฟทีระยะเวลา 3 เดือน นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า การยกเลิกค่าเอฟที 3 เดือน คือ ต้นทุนของประเทศ ก็ต้องดูว่าใครจะรับผิดชอบไป ลดค่าเอฟที 0.93 สตางค์เป็นเงินจำนวนไม่น้อย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง แต่ถ้าให้กันทั้งหมดก็จะใช้งบประมาณจำนวนมาก เกิดเป็นปัญหาวินัยการเงินการคลัง

“ผู้ที่เสนอไม่ให้มีเอฟทีเลย ก็ต้องถามคำถามว่า แล้วส่วนนี้ใครจะรับผิดชอบไป เพราะเอฟทีคือต้นทุนเชื้อเพลิง ไม่ใช่ค่าพร้อมจ่าย” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า นางรสนา โตสิตระกูล ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดโรงไฟฟ้าจึงผลิตเกินความต้องการใช้จริงกว่า 50% นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เกิดจากการคำนวณคลาดเคลื่อน วิธีการคำนวณไม่ได้ใช้ในสากล ผิดตรรกะ เพราะคำนวณบนพื้นฐานการนำตัวเลขกำลังการผลิตของเชื้อเพลิงทุกประเภทมารวมกันตรง ๆ แต่วิธีการคำนวณที่ถูกหลักวิชาการ ตัวเลขกำลังการผลิตที่เรียกว่าพึ่งพาได้ ใช้ประโยชน์ได้ ไม่ได้สูงขนาดที่จะทำให้กำลังสำรองการผลิตสูงถึง 50-60% แต่ต่ำกว่านั้นเหลือเพียง 30% ณ สิ้นปี 2565

“สิ้นปี 2566 จะมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ารุ่นเก่า ๆ ที่ปลดระวางลงไปบางส่วนก็จะหายไปอีก แนวโน้มก็จะต่ำกว่า 30% และจะต่ำลงไปเรื่อย ๆ เพราะจะมีการปลดระวางโรงไฟฟ้าตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า ค่าพร้อมจ่ายจะจ่ายน้อยลงใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า โดยหลักก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะพลังงานที่จะมาทดแทนเป็นพลังงานสะอาด แต่ก็ต้องมาดูความสามารถที่จะมารองรับพลังงานสะอาดด้วยเช่นเดียวกัน จึงต้องดูว่ากำลังการผลิตสำรองควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งโดยปกติมักจะมีกำลังการผลิตสำรองสูงกว่าปกติ ขณะนี้กำลังหาค่ามาตรฐานควรจะเป็นเท่าไหร่

เมื่อถามว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศนโยบายว่า หากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล ค่าไฟฟ้าจะมีการกำหนดราคาให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร ยูนิตละ 3.90 บาท นายสุพัฒนพงษ์ ในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวว่า นโยบายคือ ค่าเอฟทีเป็นศูนย์ ซึ่งปัจจุบันในส่วนของผู้เปราะบางค่าเอฟทีก็เกือบจะเป็นศูนย์ หรือประมาณ 1 สตางค์ ถ้าจะช่วยกลุ่มเปราะบางอีก 1 สตางค์ก็น่าจะทำได้ อยู่ในวิสัยที่จะทำได้อยู่แล้ว