พวงเพ็ชร พลิกเกมเพื่อไทยโค้งสุดท้าย นำทีม กทม.ฝ่าวงล้อมกระแส-กระสุนเลือกตั้ง

พวงเพ็ชร ชุนละเอียด
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด
คอลัมน์ : Politics policy people forum
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

ในสมรภูมิเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร อันเป็นใจกลางอำนาจบริหารประเทศ พรรคเพื่อไทยเคยครองเก้าอี้ ส.ส. 9 ที่นั่ง จาก 30 เขตเลือกตั้ง เมื่อการเลือกตั้ง 2562

ผ่านมา 4 ปี เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ขยับจาก 9 กลายเป็น 20 ที่นั่ง จาก 33 เขตเลือกตั้ง แต่ว่า “กระดูกชิ้นโต” ที่คนเพื่อไทยหวาดหวั่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นพรรคก้าวไกล

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” หรือเจ๊แจ๋น ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย

ในฐานะเป็น “มาดามนครบาล” คุมเลือกตั้ง กทม.ทั้ง 33 เขต ถึงยุทธศาสตร์โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ท่ามกลางวงล้อมกระแสและกระสุนฝ่ายตรงข้าม

เพื่อไทยกระแสไม่แผ่ว

“พวงเพ็ชร” ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยกระแสไม่แผ่ว แม้ว่าจะถูกพรรคก้าวไกลตีตื้นขึ้นมา

“ความจริงคือไม่แผ่ว เดิมคนจะเลือกคุณอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย) แต่พอเปิดตัวท่านเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย คนก็เลยแชร์ความนิยม เหมือนคิดว่าคุณอิ๊งหรือท่านเศรษฐา ใครเป็นนายกฯ กันแน่ ลองเอาสองคนนี้รวมกันสิ”

“โพลความนิยมนายกฯ มีนิดเดียวที่คุณพิธา (ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล) เขามาแชร์คะแนนของท่านเศรษฐาไป แต่พอเอามารวมกันชนะหมด คน กทม.อาจจะเอาเศรษฐา แต่คนต่างจังหวัดอาจจะเอาคุณอิ๊ง”

แม้ว่าหน้าฉากอาจดูเหมือนว่าผู้บริหารพรรคนั่งเก้าอี้ไม่ติด ต้องออกมากระตุ้น ส.ส.ให้ลงพื้นที่ “พวงเพ็ชร” บอกว่า

ไม่ใช่…บอกได้เลย เขตเรายังแน่นอยู่ ก้าวไกลมาที่ 2 เกือบทุกเขต น้อยมากที่จะเด่นขึ้นมาถึงขนาดจนชนะในโพล อาจจะเขตสองเขต แต่เข้ามาเป็นที่ 2 เยอะมาก และจะทิ้งประมาณ 10% เกือบทุกเขต แต่โพลยังมีบางคนไม่กล้าบอกเราด้วย ยังไม่ออกความเห็นประมาณ 20% ของทุกเขต

“ซึ่งเป็นกระแสของ กทม.ว่าโค้งสุดท้ายจะสะวิงโหวตไปที่ใคร แต่บอกได้เลยว่า ไม่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมาแซงที่ 1 เพราะลำบาก ที่ชนะนำ 10% นี่เยอะมาก แบบ 30% กับ 20% มีเยอะ ตัวนี้ยังรู้สึกว่ายังสะวิงได้ เพราะเขาแพ้แค่ 10% ยังสามารถ push ได้ ซึ่ง 10% เท่ากับ 5 พันคะแนน และยังมี 6-7 คนที่นำ 50% คนอื่นก็ตามไม่ทันแล้ว”

“แต่อีกเรื่องหนึ่ง เวลาพรรคก้าวไกลดีเบตเขากล้าพูดในสิ่งที่เราไม่กล้าพูด เราก็ค่อย ๆ ไป เขากล้าที่จะกระโดดข้าม เปลี่ยนแปลงไปเลย แต่อย่างเราเป็นพรรคการเมืองที่เป็นพรรคใหญ่ ทำอะไรต้องทำด้วยความมั่นคง นโยบายก็พูดไป ค่อย ๆ ทำไป 600 บาทก็ทยอย 4 ปี”

“จริง ๆ จะพูด 700 ก็พูดได้ 1,000 ก็พูดได้ พูดแล้วไม่ทำมันพูดได้ แต่ของเราต้องค่อย ๆ เพราะจริง ๆ ตอนนี้ค่าแรง 500 บาทหมดแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม”

ไม่เลือกเรา “ลุง” มาแน่

สำหรับยุทธศาสตร์โค้งสุดท้าย “พวงเพ็ชร” เชื่อว่าไม่ยากสำหรับพรรคเพื่อไทย เพียงแค่ให้ผู้สมัคร ส.ส.ขยันลงพื้นที่ เน้นขยายนโยบาย สำคัญที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำความเข้าใจว่ามาจากไหน มาจากภาษี การรีดไขมันออกมาจากงบประมาณต่าง ๆ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้จีดีพีโตประมาณ 5% ต่อปี พอมีเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบ เงินก็จะกลับมาในรูปของภาษี

“อีกอย่างที่คุณเศรษฐาเน้นคือ สิทธิของความเท่าเทียม ทั้งสิทธิทางเพศ เกณฑ์ทหาร อากาศสะอาด ความเป็นอยู่ของคน อยากให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มีความคิดที่ดี จิตใจที่ดี อยู่ให้มีความสุข”

“แคมเปญในรอบสุดท้ายเหมือนแคมเปญที่ลุงตู่เคยออก เลือกความสงบจบที่ลุงตู่ ซึ่งแคมเปญโค้งสุดท้ายเรามีเพื่อต่อสู้ ก็ทำนองไม่เลือกเราเขากลับมาแน่ เพราะเราตั้งเป้าว่าไม่เอาขั้วเดิม เราต้องให้ความมั่นใจ และให้ความหวังกับคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะ กทม.ให้ความหวังว่าเขาเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด”

“ถ้าได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างก็จะได้รับการปรับปรุงแก้ไข นึกว่ามันง่ายเหรอ….มันยากนะ เพราะรัฐบาลปัจจุบันทิ้งหนี้ไว้ให้ 10 ล้านล้าน ไม่ใช่เราเข้ามาจะปุ๊บปั๊บแล้วมันได้นะ แต่นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมา ทั้งนโยบายเติมเงินครอบครัวละ 2 หมื่น ซึ่งไม่ได้ทำทันที แต่เราต้องใช้เวลาสำรวจ ครอบครัวไหนที่มีรายได้ไม่ถึง 2 หมื่นก็จะเติมเงินเข้าไป นโยบายค่าแรง 600 บาท และปริญญาตรี 2.5 หมื่นในปี 2570 นโยบาย ซอฟต์พาวเวอร์ ตั้งเป้าให้คนมีรายได้ 2 แสนบาทต่อปี”

ตั้งเป้า 20 ที่นั่ง กทม.

จากเดิมที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ ส.ส.แค่ 9 เขต แต่ปัจจุบันตั้งไว้ถึง 20 ที่นั่ง “พวงเพ็ชร” กล่าวจากความรู้สึกที่เชื่อว่าเกินครึ่งแน่นอน

“น่าจะชนะ 20 เขต เอาที่เป็นไปได้ อย่าไปพูดที่โอเวอร์ คิดว่าในโค้งสุดท้ายที่ต่างคนต่างสู้กัน ก็คงจะมีกระแส ซึ่งใน กทม.กระแสสำคัญอาจพลิกได้”

หมัดเด็ดของพรรคเพื่อไทยใน กทม. คือส่วนผสมคะแนนผู้ว่าฯ กทม. ส.ก.พรรคเพื่อไทย ช่วยเป็น “กองหนุน”

“และในแคมเปญก็บอกเสมอว่า เรามี ส.ก.ที่ทำงานกับท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อยู่ ในเรื่องเส้นเลือดฝอย ทั้งแคมเปญ 2 แสนบาทในชุมชน ที่จะมีกรรมการลงถึงชุมชน โรงพยาบาล 50 เขต ทุกอย่างจะสำเร็จได้ต่อเมื่อเราเป็นรัฐบาลด้วย เพราะบางจุดเกินข้อจำกัดของ กทม. แต่ถ้าเราเป็นรัฐบาลก็จะเอาตรงนี้มาเติมเต็ม ทำให้นโยบายโรงพยาบาลทั้ง 50 เขตเกิดขึ้นจริง”

“รวมถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สีเขียว สีส้ม ที่อีนุงตุงนังอยู่ตอนนี้ ถ้าเราเป็นเราจะลงมือทันที จัดการสัญญาอะไรต่าง ๆ เพราะท่านชัชชาติก็มีข้อจำกัด มีการฟ้องกันเยอะแยะ ถามว่าท่านชัชชาติทำไหวเหรอ…ทำไม่ไหว ถ้าท่านชัชชาติไม่มีรัฐบาลที่คุมกระทรวงคมนาคมเอาเข้า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อมาจัดการ”

“ตอนนี้ทุกอย่างที่ท่านชัชชาติมีปัญหา ก็รอเอาเข้า ครม. เช่น เรื่องการแก้สัญญาต่าง ๆ ดังนั้น ถ้าไม่ได้เส้นเลือดใหญ่ไปช่วยเส้นเลือดฝอย ท่านชัชชาติทำงานใน กทม.ไม่สำเร็จ”

“ถ้าเราเป็นรัฐบาลเส้นเลือดฝอยมาประสานกับเส้นเลือดใหญ่ แจ๋นบอกเลย สาธารณสุข มหาดไทย คมนาคม ต้องลงไปช่วย ในลูปของ กทม.ต้องการรัฐบาลลงไปช่วยด้วย”

ฝ่าวงล้อมกระสุน-กระแส

ทั้ง “พวงเพ็ชร” และขุนพลข้างกาย เอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้สมัคร ส.ส.ใน กทม. ตอนนี้ต้องฝ่าวงล้อมทั้งกระแส (ของพรรคก้าวไกล) และกระสุน (เงิน) ของพรรคการเมืองซีกรัฐบาล

“ตอนนี้บอกได้เลย ใครบ้างไม่กลัว น้อง ๆ ที่ลงพื้นที่หาเสียงมีแต่เงินทุกวัน คนนั้นยิง 500 คนนั้นยิงพันนึง ลองคิดซิว่าจะฝ่ากระแสเงินนี้ยังไง พรรครัฐบาลรวยกันทุกพรรค”

“สิ่งเดียวที่เราอยากจะขอคือ ขอมือของประชาชนมาเลือกเราให้แลนด์สไลด์ ได้เป็นรัฐบาล ถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ฝ่ายรัฐบาลก็ไปรวมกันได้อีก ถ้าฝั่งเรายังไม่รวม ฝ่ายเขาก็เป็นรัฐบาลชุดเดิม ความเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิด”

“ขอร้อง ขอความเมตตาเลย มือของคุณทุกมือ ไม่ว่าไปรับเงินใครอะไรก็ตาม แต่ตอนเข้าคูหาก็ไม่มีใครรู้ว่ากาใคร ถ้าคุณจะกาอนาคตของคุณเองก็ขอให้กาพรรคเพื่อไทย เพื่อให้เราได้เปลี่ยนแปลง”

“เราต้องขอเลยให้ประชาชนช่วยเรา เราคงไม่มีเงินไปสู้กับเขาหรอก ไม่มีปัญญาจริง ๆ อยากให้คุณห่วงอนาคตของคุณมากกว่า”

ไม่หวั่นถูกขุดแผลเก่า

ในอดีตพรรคเพื่อไทยเคยแพ้กระแส “ไม่เลือกเรา..เขามาแน่” ใน 24 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อ 10 กว่าปีก่อน แผลเสื้อแดง-พิษทักษิณยังคงเป็นกระแสที่พรรคเพื่อไทยต้อง “ระวัง” หรือไม่ พวงเพ็ชรตอบว่า

เรื่องของท่านทักษิณเป็นเรื่องสมัยยุคปฏิวัติ มีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นยุคของการกลั่นแกล้ง หลายอย่างท่านไม่ได้ทำความผิด หลายคดีเราชนะไปแล้ว ถามว่าเงินมาคืนนายกฯ ปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) หรือยัง ก็ยังไม่คืนนะ เงินคุณทักษิณที่ยึดไปตอนต้น 4 หมื่นกว่าล้าน ทั้งที่ชนะคดีไปแล้ว เงินอยู่ที่ไหน งบฯลับ งบฯอย่างไร

“เรื่องกระแสท่านทักษิณก็มีมานานแล้ว ตีต่อเนื่องมา คงไม่มีอะไรใหม่ เกือบทุกคดีท่านชนะ ส่วนเรื่องการกลับบ้าน ท่านพร้อมนะที่จะกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป อันไหนล่ะที่ว่าผิด ถ้าท่านเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ท่านก็พร้อมต่อสู้ด้วยตัวเอง หลายคดีมีการพิจารณาลับหลังบ้าง ถ้าท่านได้กลับมาต่อสู้ แจ๋นคิดว่าท่านก็เข้าสู่กระบวนการ”

“ในความรู้สึก เราไม่มีจุดอ่อน เราโดนมาหนักหนา โดนมาตลอด เหมือนกับไอโอเข้าไปในพรรค หาว่าผู้สมัคร ส.ส.ไม่ทำงาน แต่เด็กเราทำงาน ขยันทุกคน แต่มีเรื่องป้ายหาเสียงที่เด็กเรากลัว เพราะมีพรรคเดียวที่โดนนับป้ายทุกป้าย คนอื่นติดเป็นพัน เวลาพรรคถามทำไมป้ายติดไม่ครบ แต่พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล อย่าง ธนบุรี หนองจอก จะติดอย่างไรถึงจะตามยุทธศาสตร์ เราอย่าไปเชื่อไอโอที่เข้ามาแกล้งเรา เพราะมีทั้งบวกและลบที่เข้ามา”

คู่แข่งที่แท้จริงเพื่อไทย

ถามว่าคู่แข่งของพรรคเพื่อไทยในสนาม กทม. เหนือ อีสาน ใต้ คือใคร-พรรคไหน “พวงเพ็ชร” ตอบว่า 2 ป.

“ในภาพทั้งหมดเราต้องยอมรับว่าเราต้องอยู่แต่ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายค้านก็คือพวกเรา โดยเฉพาะคู่แข่งเราคือ 2 ป. เราก็ต้องไม่ให้คนเลือกฝ่ายรัฐบาลเด็ดขาด เราจะไปพูดว่าพรรคก้าวไกลเป็นคู่แข่ง เราไม่พูดหรอก พูดไม่ได้เลย แต่ในพฤตินัยแล้ว เราต้องเดิน เขาก็ต้องเดิน ฮั้วกันไม่ได้ ต่างเดินต่างสู้กันไป แต่เป็นพวกเดียวกัน เป็นฝั่งที่เราต้องการขับไล่รัฐบาลเก่าออกไป”

“ต้องเลือกเราให้แลนด์สไลด์ เราก็ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไปสองจิตสองใจ แบ่งใจ ทำให้เราไม่แลนด์สไลด์ แล้วในวันนั้นขึ้นมาเขาจะได้ร่วมรัฐบาล หรือไม่ได้ร่วม เราอยากให้ประชาชนตัดสินใจ”

ก่อนหน้านี้กระแสจับขั้วรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยไม่พูดให้ชัด จนเป็น “ผลลบ” กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ “พวงเพ็ชร” กล่าวว่า ในเมื่อเรารณรงค์ต่อต้าน 2 ป. หรือขั้วรัฐบาลเก่าให้ออกไป ถ้าเราไปพูดรวมกับป้อม รวมกับตู่เราก็เสีย

“ณ วันนี้ไม่จับกับใครจนกว่าผลของการเลือกตั้งจะออกมา กล้าบอกได้เลยว่าไม่จับกับใครเลย ปักธงเรื่องแลนด์สไลด์อย่างเดียวจนกว่าตัวเลขจะออกมา”

ถามคำถามสุดท้ายว่า ผลโพลของพรรค อุ๊งอิ๊ง และเศรษฐา สัดส่วนใครเป็นคนที่ทำให้คะแนนพรรคขึ้นมา พวงเพ็ชรตอบว่า “มันเป็น timing เปิดตัวมานาน เดินต่างจังหวัดมานาน ดังนั้น โพลกระแสของอุ๊งอิ๊งก็จะมากกว่า ส่วนคุณเศรษฐาเปิดตัวมาเดือนเดียว ก็ขึ้นมาเยอะแล้ว ใกล้ ๆ ลุงตู่แล้ว บางโพลก็แซงลุงตู่แล้ว จริง ๆ แคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนเท่าเทียมกัน ทุกคนสามารถเป็นนายกฯ ได้”