สุดารัตน์ ชวน ทุกพรรค-ข้าราชการ ทำสัตยาบรรณ ไม่รับอำนาจรัฐประหาร

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

หญิงหน่อย โชว์วิสัยทัศน์แก้วิกฤตเศรษฐกิจ-การเมือง ชวนพรรคการเมือง ข้าราชการ ศาล ทำสัตยาบรรณไม่ยอมรับอำนาจคณะรัฐประหาร

วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เครือมติชน ร่วมกับเครือเดลินิวส์ จัดงานดีเบตการเมือง ในธีม มติชน เลือกตั้ง 66 บทใหม่ประเทศไทย เวที “สงคราม 9 พรรค The Last War” โดยเวทีแบ่งออกเป็น 3 รอบ โดยรอบที่ 3 เป็นรอบ “แม่ทัพ วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม” โดยให้แคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรคการเมือง กล่าวถึงนโยบายของพรรคและตอบคำถามจากกองบรรณาธิการ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ฉายวิสัยทัศน์ ดังต่อไปนี้

– พรรคไทยสร้างไทยเราเป็นพรรคใหม่แต่หัวใจเดิม  รักประชาธิปไตย สัญญาว่าเราจะไม่เป็นที่เหยียบยืนของเผด็จการเด็ดขาด

– ชวนปิดสวิชต์รัฐประหารด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ ชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่ต้องไม่ได้มาจากปลายกระบอกปืนของผู้ที่มาทำรัฐประหาร แต่ต้องมาจากปลายปากกาของพี่น้องประชาชนทุกคน โดยสามารถเข้าไปลงชื่อได้ที่เฟซบุ๊กพรรคไทยสร้างไทย

– คนที่ทำรัฐประหารคือคนที่เป็นกบฏต้องได้รับโทษสูงสุด ให้ทุกหน่วยงานลงสัตยาบรรณตั้งแต่นักการเมืองทุกพรรคการเมือง ข้าราชการไปจนถึงศาลว่าเราจะไม่ยอมรับอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อีกต่อไป

– ปกป้องประโยชน์ของประชาชน อย่างเรื่องค่าไฟเราได้ไปดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตเพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน จากข้อสงสัยของเราในเรื่องของสัญญาที่ผิดปกติและเราต้องทวงคืนผลประโยชน์ของประชาชน

ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า

– เราเป็นพรรคที่สู้เพื่อคนตัวเล็กและเราไม่ใช่พรรคของนายทุน ดูแลปัญหาของพี่น้องคนตัวเล็กด้วย 3 สร้าง 2 ขจัด สร้างรายได้ให้กับประชาชนก่อนด้วยกองทุน แก้หนี้

– สร้างแต้มต่อให้กับคนตัวเล็กและเติมทุนให้กับคนตัวเล็กด้วยกองทุนสร้างไทย 3 แสนล้านบาท กองทุนนี้จะช่วย SMEs ที่มีอยู่ 3 ล้านกว่าราย ให้คนตัวเล็ก พนักงาน เด็กจบใหม่ เกษตรกร SMEs เข้าถึงแต้มต่อ

– กองทุนที่เรียกว่าเครดิตประชาชน ซึ่งจะมีวงเงินอยู่ 50,000 บาท ดอกเบี้ยเหลือเพียงร้อยละ 1 ต่อเดือน เอาไว้ล้างหนี้นอกระบบและตั้งตัวได้ กระจายโอกาสให้คนตัวเล็กได้ทำมาหากิน

– รายได้ไม่ถึง 40,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีรวมทั้งยกเว้นภาษี SMEs ที่เป็นหนี้เสียในช่วงโควิด-19

– สร้างรายได้จากจุดแข็งของประเทศไทย เช่น อาหาร เกษตร การท่องเที่ยว สุขภาพ และ thainess economy จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่

– ภายใน 4 ปี เราตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้ 5 แสนล้านบาท จะสร้าง new engine ที่จะขยายฐานเศรษฐกิจไทย

“ทันทีที่เราเป็นรัฐบาลเราจะเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่จากเหนือลงไปถึงใต้ เราต้องกลายเป็นศูนย์กลางของการขนส่งและการเดินทางของภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอาเซียนก็จะเป็นศูนย์กลางของคนทั้งโลก”

“เราจะขายสถานที่ของเรา สมบัติที่ดีที่สุดของเราคือสถานที่ จะเชื่อมเหนือไปใต้ ตะวันออกไปตะวันตก เราจะผลักดันเพราะเราเป็นประเทศเดียวที่ขวางมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกไว้ เราจะผลักดันอย่างเต็มที่กับโครงการคลองไทยที่จะดึงดูดการลงทุนจากคนทั้งโลกมาที่นี่”

“ขจัดอุปสรรคในการทำมาหากิน ซึ่งเราได้ร่างกฎหมายเข้าสู่สภาเรียบร้อยแล้วในการที่จะพักการใช้ใบอนุญาต 1,400 ฉบับที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นการทำมาหากินของคน”

คุณหญิงสุดารัตน์ ฉายภาพนโยบายด้านสังคม-การศึกษาดังนี้

– เราจะสร้างคนให้เป็นวาระแห่งชาติ ให้เด็กไทยมีคุณภาพตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ

– มีคูปองเพื่อให้เด็กได้มีอาหารที่มีคุณภาพและเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี

– ปฏิวัติการศึกษาครั้งใหญ่ เด็กต้องได้เรียนวิชาที่เด็กอยากเรียนโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ลดเวลาเรียนลง 3-4 ปีให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ใช่และเอาไปทำงานได้ ไม่ใช่เรียนหนักเพื่อไปตกงาน แต่เรียนไปต้องมีงานทำต้องเรียนสบายเพื่อไปมีงานทำ ใช้เทคโนโลยีลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

– มีบำนาญประชาชน 3,000 บาทคือนโยบายที่เราจะดูแลสุขภาพและสร้างเศรษฐกิจให้กับผู้สูงวัย

– มีโครงการ 30 บาทพลัสดูแลสุขภาพ ให้มีศูนย์สุขภาพทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน

“นี่คือนโยบายเร่งด่วนของพรรคไทยสร้างไทยที่จะทำให้เสร็จและจะเริ่มต้นทำภายใน 6 เดือน”

คุณหญิงสุดารัตน์ตอบคำถามที่ถามว่าจากประสบการณ์การเมืองกว่า 30 ปีคิดว่าขั้วการเมืองใดจะชนะในการเลือกตั้ง และพรรคไทยสร้างไทยจะอยู่ในขั้วไหน ว่า

“วันนี้ต้องบอกว่าเราพอกันทีเถอะ เราได้ประกาศปิดสวิตช์การทำรัฐประหาร ปล่อยให้ประชาธิปไตยได้พัฒนาตัวเอง จะดีจะชั่วประชาชนตัดสินใจเอง ไม่ใช่มีคนดีมาลากปืน ลากรถถังทำรัฐประหารอีก ดังนั้นวันนี้มั่นใจว่าถ้าเราเห็นพ้องกันไม่ใช่แค่เรื่องขั้วไหนชนะอย่างเดียวแต่ต้องมาลงสัตยาบรรณด้วยกันว่าเราจะปิดสวิตช์การรัฐประหาร จึงจะทำให้ประชาธิปไตยของเราเบ่งบาน และเชื่อว่าฝั่งประชาธิปไตยจะชนะ เชื่อในพลังของประชาชนคนไทยทุกคน”