พิธา ปัดตอบใครอยู่เบื้องหลังสมคบคิดฟื้นไอทีวี มีแผนรับมือไว้แล้ว

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา เผยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลจนถึงวันโอนหุ้น ไม่ตอบใครอยู่เบื้องหลังแผนสมคบคิด โอนหุ้นเพื่อจัดการความเสี่ยง

วันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯ ตอบคำถามถึงการเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี เริ่มเมื่อไหร่ จบเมื่อไหร่ หุ้นดังกล่าวได้รับมาเมื่อไหร่ และการเป็น ส.ส. เมื่อปี 2562 ยังถือหุ้นดังกล่าวอยู่หรือไม่ ว่าเรื่องหุ้น ต้องฟังรายละเอียดจาก กกต. ส่วนเรื่องในครอบครัวของตน การเป็นผู้จัดการมรดกของตนเริ่มขึ้นเมื่อใดนั้น ก็เริ่มตั้งแต่เมื่อศาลสั่ง เมื่อศาลอนุญาตเมื่อไหร่ตนก็เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล จนกระทั่งถึงตนโอนหุ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นผู้จัดการอย่างเดียวหรือเป็นผู้รับโอนด้วย นายพิธากล่าวว่า เป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียวไม่ได้รับโอน

เมื่อถามว่า กกต.มีการตั้งประเด็นนี้ไว้แล้วและอาจจะเป็นการเข้าข่ายรู้อยู่แล้ว ยังมาลงสมัคร นายพิธา ชี้แจงว่า เท่าที่เห็นเมื่อวานมีข่าวออกมา แต่พออ่านข่าวพารากราฟสุดท้ายก็บอกว่า ข้อมูลยังไม่เพียงพอ และต้องมีการพิจารณากันอยู่ เนื้อหาที่ออกมาก็คือ ทาง กกต.ยังจัดการเรื่องการตั้งรูปคดีอยู่ ตรงนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องตอบมากไปกว่านี้ รอความชัดเจนจาก กกต. เพราะได้อ่านจากในรายละเอียดข่าวแล้ว ไม่ได้อ่านเฉพาะพาดหัว

เมื่อถามว่า ที่บอกว่ามีกระบวนการฟื้นฟูไอทีวี อยากให้นายพิธาระบุว่าใครอยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นายพิธา กล่าวว่า “ไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่อย่างที่บอกว่า มีหลายท่านส่งข่าวมาที่ผม ซึ่งต้องพูดกันให้ชัด ไม่ว่าพยายามจะฟื้นคืนชีพมาด้วยเหตุผลทางธุรกิจของผู้บริหารเอง หรือพยายามจะฟื้นคืนชีพมาเพื่อเหตุผลทางการเมืองเพื่อที่จะสกัดกั้นผมไม่ได้มีปัญหาอะไร”

“แต่ความน่าจะเป็นมันมีอยู่ในอนาคต เมื่อความน่าจะเป็นมีอยู่ในอนาคต ผมต้องบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ย้ำว่าในอดีตที่ผ่านมา ทั้งเรื่องหลักฐานต่าง ๆ หรือหลักกฎหมายในการตัดสิน ถ้าบริสุทธิ์ยุติธรรม มีมาตรฐานเดียวกันมา ผมคิดว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล ก็คงตอบได้เท่านี้”

เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ส่งผลให้นายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และการตัดสินใจเลือกแคนดิเดตจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล ใครเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนั้น นายพิธากล่าวว่า อุบัติเหตุทางการเมือง เราก็อนุมานได้หลายรูปแบบ แต่เป็นสิ่งที่เราเตรียมตัวไว้หมดแล้วในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อทำให้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดได้น้อยที่สุด

เมื่อถามว่า กรณีหุ้นไอทีวีที่มีการยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 62 เป็นการถือหุ้นหรือเป็นการจัดการมรดก และหากเป็นการจัดการมรดก เป็นไปตามพินัยกรรมหรือคำสั่งศาล นายพิธากล่าวว่า ขอรอดูรายละเอียดจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า มีการตั้งขอสังเกตว่า นายพิธาจะเจอ 3 ด่าน คือ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และสมาชิกวุฒิสภา ส.ว. กว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธากล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวล แต่ไม่ประมาททั้ง 3 ด่าน ตนมีการวางแผนทำงานและมีคีย์แมนดูแลทั้ง 3 ด่าน และยังสามารถเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ก็ไม่ประมาท และขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน

เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวว่า นายพิธาไปค้ำประกันหนี้สินจำนวนหนึ่ง แต่ไม่แจ้ง ป.ป.ช. จะมีผลต่อคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายพิธากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการประสานงานกับ ป.ป.ช. โดยตลอด ซึ่งยังไม่เห็นข้อมูลทั้งหมด แต่หากมีคนร้องจริงหรือมีคำถามจาก ป.ป.ช. ยินดีที่จะชี้แจงเช่นเดียวกับกรณีการถือหุ้น แต่เป็นเรื่องปกติที่มีจะเรื่องต่าง ๆ เพื่อมาสกัดกั้น และไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด