ชิงแจกเงินหมื่นบาท-ขึ้นค่าแรง ดันนโยบายเศรษฐกิจ รัฐบาลเพื่อไทย

นโยบายเศรษฐกิจเพื่อไทย

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ถูกฝังกลบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปมหุ้นไอทีวี และมติแบนชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กลางสภา ถึงคราวที่แคนดิเดต “นายกฯ เพื่อไทย” รับไม้ต่อ

พรรคเพื่อไทยที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถึง 3 รายชื่อ แต่คอการเมืองเก็งกันว่า หวยจะไปออกที่ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตบิ๊กบอสแสนสิริ ช่วยงานเศรษฐกิจมาตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

หาก “เศรษฐา” ไม่ผ่านด่านโหวตในรัฐสภา

ยังมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร สายตรงตัวจริง-เสียงจริง นามสกุล “ชินวัตร” และ “ชัยเกษม นิติสิริ” อดีตอัยการสูงสุด สแตนด์บายพร้อมอยู่ในที่ตั้ง

ทันทีที่ได้ “นายกฯ เพื่อไทย” ภายใต้ “รัฐบาลเพื่อไทย” บริหารงานโดยมีเป้าหมายปลุกเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี

นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่สัญญากับ “โหวตเตอร์” ไว้ยาวเป็นหางว่าว จะถูกลำเลียงออกมาเป็นชุด ทั้งระยะเร่งด่วน-ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

Advertisment

นโยบายเร่งเดียวที่ “รัฐบาลเพื่อไทย” จะ “ทำทันที” คือมาตรการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นบาท โดยแหล่งเงินมาจากงบประมาณและเงินภาษี วงเงินงบประมาณรวม 560,000 ล้านบาท

สำหรับ “แผนการหาเงิน” ของ “ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย” แจกแจงออกเป็น 1.ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี’67 จำนวน 260,000 ล้านบาท 2.ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบายจำนวน 100,000 ล้านบาท 3.การบริหารจัดการงบประมาณจำนวน 110,000 ล้านบาท 4.การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 90,000 ล้านบาท

Advertisment

นโยบาย “เติมเงิน” ลดช่องว่างรายได้ประชาชน มีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี’70 ผลกระทบทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น ส่งผลถึงอัตราเงินเฟ้อ-สินค้าราคาแพง

เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 25,000 บาท ผลกระทบต่องบประมาณรายจ่ายประจำปีของภาครัฐ เพราะต้องปรับขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการ

รถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย วงเงินงบประมาณ 40,000 ล้านบาท + 8,000 ล้านบาทต่อปี ติดแอร์รถไฟชั้นสามทุกขบวน 920 ล้านบาทต่อปี ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศให้เดินทางแบบไปกลับประจำได้อย่างแท้จริง 11,700 ล้านบาทต่อปี

นโยบายลดภาระหนี้ประชาชน พักหนี้เกษตรกร เงินต้น-ดอกเบี้ย ระยะเวลา 3 ปี วงเงิน 8,000 ล้านบาท พักหนี้ธุรกิจเฉพาะที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ระยะเวลา 1 ปี รวมถึงออกมาตรการพิโกไฟแนนซ์ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 13,000 ล้านบาท

นโยบายสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) วงเงิน 30,000 ล้านบาท อาทิ ลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการ SMEs การค้ำประกันสินเชื่อ ลดการผูกขาดทางธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจนแก้ไขกฎหมาย-กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ

นโยบายเงินสมทบคนสร้างตัววงเงิน 90,000 ล้านบาท นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุวงเงิน 300,000 ล้านบาท นโยบายหวยบำเหน็จ 800 ล้านบาท-ได้รับเงินทุกบาททุกสตางค์คืนตอนอายุ 60 ปี จ้างงานผู้สูงอายุวงเงิน 500 ล้านบาท เพิ่มรายได้ท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทต่อปี ราคาสินค้าเกษตรขึ้นยกแผง-รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี

นโยบาย Digital OTOP นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง วงเงิน 10,000 ล้านบาท 1 ตำบล 1 IT Man คนยุคดิจิทัล จาก 4 แสนคน สู่ 2 ล้านคน ใน 4 ปี

นโยบาย Blockchain สัญชาติไทย นโยบายเงินสกุลดิจิทัล และ Digital Wallet เพื่อประชาชน นโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน

นโยบายการบริหารจัดการน้ำ ไม่ท่วม ไม่แล้ง ชนบทมีน้ำกิน น้ำใช้ ด้วยระบบบาดาล วงเงินงบประมาณเบื้องต้น 500,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ ภายใน 4 ปี

นอกจากนโยบายเศรษฐกิจกระตุ้นมู้ดการจับจ่ายเศรษฐกิจทุกย่อมหญ้า-ทุกชนชั้นแล้ว ยังมีนโยบายเศรษฐกิจชุดใหม่ โดยเฉพาะ “เขตธุรกิจใหม่” ที่จะดึงดูดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่

รวมถึง “ชุดนโยบายต่างประเทศ” โดยฟื้นฟูบทบาทและเกียรติภูมิของไทยกับเพื่อนบ้านอาเซียนและเวทีโลก เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ ปฏิญญาสากลและสิทธิมนุษยชน

กำหนดท่าทีของไทยอย่างเหมาะสมในพลวัตภูมิรัฐศาสตร์โลก ปกป้องประโยชน์ของคนงานไทย ผู้ประกอบการไทย ครอบครัวไทยในต่างแดน หนังสือเดินทางไทยแข็งแรง เดินทางง่ายได้ทั่วโลก

เพิ่มการค้าชายแดนแบบก้าวกระโดด โดยการขยายเวลาเปิดด่านกับกัมพูชา เมียนมา มาเลเซีย และลาว เพื่อเปิดประตูมังกรสู่ตลาดจีนที่เชียงใหม่และหนองคาย เพิ่มการลงทุนการค้า เริ่มเจรจาข้อตกลง FTA กับ EU, UK และ EFTA ทันที

เร่งหาแหล่งพลังงาน โดยการเจรจาแหล่งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในกัมพูชา พลิกฟื้นประมงไทยด้วยการเจรจา IUU ให้ส่งออกประมงไทยกลับมาเป็นอันดับชั้นนำของโลกอีกครั้ง

พรรคผลผลิตจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ปั้นประมุขตึกไทยคู่ฟ้ามาแล้ว 4 คน กำลังจะทำลายสถิติพรรคประชาธิปัตย์ มี “นายกฯ เพื่อไทย” เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 5