เพื่อไทยดีลพรรค 2 ลุง ก้าวไกลไม่ถอย รัฐบาลขั้วใหม่ติดล็อก

รัฐบาลขั้วใหม่
คอลัมน์ : Politics policy people forum

สถานการณ์การเมืองอยู่ในภาวะตึงเครียดในเกมการจัดตั้งรัฐบาล

เพราะทันทีที่พรรคเพื่อไทยได้รับมอบภารกิจตั้งรัฐบาล ได้เปิดปฏิบัติการสายฟ้าแลบ เชิญ 5 พรรคการเมือง ขั้วตรงข้ามมาหารือเรื่อง “ความเป็นไปได้” ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อหาทางออกประเทศ ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ

เป็นการเซตเกมทางการเมือง คู่ขนานไปกับการโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 แกนนำพรรคขั้วเดิม ถูกทาบทาม-นัดคุย นอกรอบ

ก่อนมาตกผลึกเป็นภาพที่พรรคเพื่อไทยอัญเชิญพรรคการเมืองขั้วอำนาจเดิม เปิดหน้าอย่างเป็นทางการตลอดทั้งวันที่ 22-23 กรกฎาคม

ที่สำคัญใน 5 พรรค มี 4 พรรคที่ประกาศไม่ยอมเผาผี จับมือพรรคก้าวไกล ทั้งจุดยืนเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และประเด็นทัศนคติทางการเมืองที่แหลมคม ชนเพดาน ซึ่งประกาศชัดเจนตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง

มีเพียงพรรคชาติพัฒนากล้า ตั้งกำแพงบางกว่าพรรคอื่น พอที่จะทำงานกับพรรคก้าวไกลได้ แต่ต้องไม่แตะมาตรา 112

ก้าวไกลในวงล้อม

พรรคเพื่อไทย นำผลเจรจาค้าความกับ 5 พรรคการเมือง ที่มีข้อสรุปส่วนใหญ่ “ไม่เอา” พรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาล ไปหารือในที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง ที่มีพรรคก้าวไกล เป็นเสียงข้างมาก

ผลที่ออกมาคือพรรคก้าวไกลถูกรุมกินโต๊ะ เอ็มโอยูจ่อถูกฉีก แม้เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย ไม่อยากเห็นเพราะต้องจ่ายต้นทุนการเมืองมหาศาล แต่ก็ไม่มีทางออกที่จบสวย

พรรคก้าวไกล ติดกับดักในวงล้อม พรรคเพื่อไทยและขั้วรัฐบาลเดิม ที่เดินเข้าบีบทุกทาง

โดยแหล่งข่าวพรรคก้าวไกล ระดับแกนนำรายหนึ่ง ยอมรับว่าโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลเหลือน้อยเต็มที ขึ้นอยู่กับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียงว่าจะโหวตให้ฝ่าย 8 พรรคหรือไม่ แต่เขาประกาศแล้วว่าไม่เอาพรรคก้าวไกล

ทางออกทางเดียวคือพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แต่จะยื้อ – กอดขาเพื่อไทยให้นานที่สุด

ลุงป้อมอยู่ทุกสมการ

“ไผ่ ลิกค์” แกนนำกลุ่มกำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ผู้อยู่ในเหตุการณ์วินาทีประวัติศาสตร์หาทางออกประเทศ บอกว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้แสดงจุดยืนไปแล้วว่า ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่ยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ขณะนี้ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกลที่จะยอมถอยหรือไม่ เชื่อว่าจะได้ตัวนายกรัฐมนตรีได้ไม่ช้า อย่างเร็วที่สุดภายใน 2 อาทิตย์จะสามารถฟอร์มรัฐบาลใหม่ได้

ส่วนเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยที่ได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าจะไม่จับมือกับ 2 ลุง ซึ่ง 1 ในลุงคือ ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น ไม่ได้เป็นเงื่อนตายในการร่วมรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้

และ พล.อ.ประวิตรจะอยู่ตรงไหนในรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ “ไผ่ ลิกค์” ตอบทันควันว่า มีลุงหรือไม่มีลุงไม่แตกต่างกัน เปรียบเทียบกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในทางนิตินัยถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์จะลาออกจากสมาชิกพรรคไปแต่ภาพของพรรครวมไทยสร้างชาติก็คงมีภาพจำของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ดี

มี ก.ก. ไม่โหวต อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา

“พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ” รองเลขาธิการพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 ในตัวแทนที่ไปร่วมวงเจรจาหาทางออกประเทศ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวกลาง 8 พรรค บอกว่า ในที่ประชุมไม่มีการหารือเรื่องการร่วมรัฐบาล หรือสูตรการร่วมรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติใช้เวลาในการพูดถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคไปด้วยกันไม่ได้ถ้ายังมีพรรคก้าวไกล

“ถ้า ณ วันนี้เพื่อไทยยังติดอยู่กับพรรคก้าวไกลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใคร พรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถยกมือโหวตให้ได้เลย” พิชชารัตน์บอกถึงพันธะเดียวแต่มหาศาล ไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” หรือ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ก็ไม่โหวตให้

ขั้วรัฐบาลใหม่

สูตรตั้งรัฐบาลที่ยังไม่เป็นทางการ แต่เป็นรูปธรรม เผยโฉมออกมาแล้วว่ามี 300 เสียง เมื่อนับจากพรรคการเมืองที่พรรคเพื่อไทยเทียบเชิญมาหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง รวม 6 พรรคการเมือง 300 เสียง

และรวมกับพรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง ที่เชื่อมโยงกับบ้านใหญ่ “หวังศุภกิจโกศล” ที่ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย มาอยู่พรรคเพื่อไทย บวก พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง รวม 312 เสียง

ขณะที่ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงสูตรรัฐบาลอีกสูตร ในหมู่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ต้องการเห็นฉาก “จบสวย” คือ พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล อยู่ร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่พรรคก้าวไกลต้องถอย-ไม่แตะ มาตรา 112 แล้วดึงมือพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ต่อสายกันไว้มาช่วยโหวตให้ถึง 375 เสียง โดยไม่ข้ามขั้ว แต่นาทีนี้โอกาสเลือนราง

เพื่อไทย ในวงล้อมมวลชน

แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะตกอยู่ในกับดัก-วงล้อมการเมืองของ 6 พรรค 300 เสียง ที่พรรคเพื่อไทยเชิญมาเจรจา

แต่ในทางกลับกัน พรรคเพื่อไทยก็หาทางดิ้นหนี กับดัก “มวลชน” ที่ถูกปลุกขึ้นมาต้านการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

เพียงแค่พรรคเพื่อไทย เทียบเชิญ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ มาหารือ ก็ทำให้พรรคก้าวไกลหยิบคำว่า “สัจจะ” มารัดคอพรรคเพื่อไทย

แม้ว่าพรรคเพื่อไทย จะค้นหา “วาทกรรม” มาหักล้าง ให้ปฏิบัติการข้ามขั้ว มีความชอบธรรม แต่พรรคเพื่อไทยก็ยากที่จะสลัดออก

พรรคก้าวไกล ประกาศชัดเจน ถึงขั้นมี มติ ส.ส. จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ

“เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนซึ่งสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง จะนำไปสู่วิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตย จนอาจยากต่อการเรียกกลับคืน”

พร้อมทั้งยึด “สัจจะ” ผนึก 8 พรรคการเมือง ยึด 27 ล้านเสียง มาปิดล็อกการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

เท่ากับว่า เมื่อใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทย ดึงพรรค 2 ลุง เข้ามาร่วมรัฐบาล เอ็มโอยู 8 พรรคร่วมเท่ากับถูกฉีก พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตามวลชน

แต่พรรคเพื่อไทย เล่นเกม “เดิมพัน” อนาคต หวังเข้ามามีอำนาจรัฐ ทำนโยบายตามที่วางแผนไว้ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ล้างครหาตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

นาทีนี้ การตั้งรัฐบาลใหม่ยังติดสารพัดล็อก เมื่อพรรคก้าวไกลไม่ยอม “ปล่อยมือ” จาก 8 พรรคง่าย ๆ

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมจับมือก้าวไกล ส่งผลให้ พรรคก้าวไกล เดินเกมยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”

ยังมีล็อกที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ มติรัฐสภาไม่โหวตพิธา ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ก้าวไกลไม่ถอย รัฐบาลใหม่ก็ติดล็อก