จุรินทร์ ยันเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่มีลดมีแต่เพิ่ม เคลมประชาธิปัตย์เริ่มสมัยรัฐบาลชวน

จุรินทร์ ยันเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่มีลดมีแต่เพิ่ม
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

จุรินทร์ ยันลดเบี้ยผู้สูงอายุ แย้มศึกษาเพิ่มให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อ เคลมประชาธิปัตย์พรรคแรกริเริ่มนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุสมัยรัฐบาลชวน

วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีกระทรวงมหาดไทยปรับแก้เกณฑ์เกี่ยวกับเบี้ยผู้สูงอายุว่า ในส่วนของ กผส.นั้นยังไม่ได้มีการกำหนดนโยบายในเรื่องการปรับลดเงินและจำนวนของเบี้ยผู้สูงอายุแต่อย่างใด

“ส่วนแนวทางของการปรับปรุงเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลง มีเพียงการศึกษาว่าทำอย่างไรที่จะเพิ่มเติมเบี้ยผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพ เศรษฐกิจได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องภายในที่กำลังพิจารณาศึกษาอยู่ สำหรับมติที่จะไปดำเนินการลดจำนวนผู้สูงอายุที่จะรับเบี้ยยังชีพนั้นยังไม่มี” นายจุรินทร์กล่าวและว่า

“คณะกรรมการชุดนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เป็นลบ หรือทำให้จำนวนหรือเบี้ยลดลงนั้นยังไม่มี ยังไม่มีนโยบายเรื่องนี้ ส่วนของการที่จะต้องไปนิยามตามระเบียบมหาดไทย แต่ในหน่วยนโยบายยังไม่ได้มีนโยบายที่จะไปทำอย่างนั้น” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปยุติปัญหาเรื่องการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนไปแล้ว กล่าวคือมีผู้สูงอายุร่วม 30,000 คน เป็นผู้ที่ได้รับบำนาญตกทอด ทำให้เกิดปัญหาว่าคนกลุ่มนี้สามารถรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนได้หรือไม่ เรื่องนี้ กผส.ก็ได้เข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการเปิดโอกาสให้สามารถรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนได้ ท่านใดรับไปแล้วก็ไม่ต้องนำมาคืน

นายจุรินทร์กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกที่เริ่มต้นเบี้ยผู้สูงอายุในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยเริ่มจาก 200 บาทต่อเดือน จนพัฒนามาเป็น 1,000 บาทในปัจจุบัน พร้อมกับยืนยันว่าเบี้ยผู้สูงอายุเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องที่มีส่วนช่วยทำให้ผู้สูงอายุมีเงินได้เพื่อยังชีพตามอัตภาพ ในอนาคตหากสามารถเพิ่มเงินได้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และงบประมาณแผ่นดิน ก็ควรที่จะได้มีการพิจารณาดำเนินการ

นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนั้นในเรื่องกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีนโยบายชัดเจนว่าเราสนับสนุนชมรมผู้สูงอายุที่มีอยู่ถึง 40,000 กลุ่ม กลุ่มละ 30,000 บาท ให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้ ที่สำคัญก็คือประเทศไทยควรมีแนวทางสนับสนุน Silver Economy ด้วยการนำผู้สูงอายุมามีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ว่าอายุ 60 แล้วก็หมดความหมาย แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้เข้าร่วมพัฒนาประเทศในทุกด้านด้วย