ครม.เศรษฐา ในทักษิณสไตล์ แจกงานรองนายกฯ กรองวาระ ครม.

ครม.เศรษฐา
คอลัมน์ : Politics policy people forum

รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน จะเริ่มปฏิบัติภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรีเต็มตัว หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

นอกจากลูกน้อง คนสนิท ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกระดมมาช่วยงาน “นายกฯป้ายแดง” เศรษฐา ทั้งในทำเนียบรัฐบาล ในพรรคเพื่อไทย คอยเป็น “มือ-ไม้” ช่วยขับเคลื่อนวาระการเมือง เศรษฐกิจ อันเป็นภาระใหญ่ของบ้านเมืองแล้ว

ระบบ-วิธีการทำงานก็แทบจะโคลนนื่งระบบกันมา เพื่อให้การทำงานของนายกฯ และรัฐบาลราบรื่นที่สุด

ปัดฝุ่น คกก.กลั่นกรอง

เสนาธิการทำเนียบรัฐบาล อย่าง “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการคือจะใช้วิธีเดิม คือ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องไหนเข้าสภา เรื่องไหนเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำงานให้เร็ว กลุ่มไหนเรื่องเกี่ยวกับใคร ก็อาจจะมีคณะทำงานเฉพาะได้

“ส่วนเรื่องที่จะเข้าประชุม ครม.จะมีคณะกรรมการกลั่นกรอง เพราะเป็นวิธีการทำงานที่เร็ว แทนที่จะมานั่งประชุมให้เสียเวลา เมื่อเรามีคณะกรรมการกลั่นกรองก็กลั่นกรองให้เรียบร้อย ซึ่งโดยหลักจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน”

“เราเป็น ครม.ที่ทำเรื่องเศรษฐกิจทุกวัน ไม่จำเป็นต้องมี ครม.เศรษฐกิจ โดยมีคณะกรรมการกลั่นกรองทุกเรื่องรวมถึงสังคม ความมั่นคง เพราะฉะนั้นในแต่ละประเด็นไม่เหมือนกัน วิธีการทำงานแบบยุทธศาสตร์ สิ่งที่จะทำต้องทำให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว หวังผลและนำไปปฏิบัติได้เร็ว”

“นพ.พรหมิทร์” กล่าวว่า “เราทำแบบนี้ตั้งแต่สมัยนายกฯทักษิณ และจะเหมือนกับสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และจะเอาเรื่องมาช่วยกันกลั่นกรอง เพื่อทำให้เรื่องนั้นกระชับ จึงได้มีเวลาถกกันลึก ๆ เพราะในการประชุมคณะรัฐมนตรี 35 คน กว่าจะถกกันก็ต้องใช้เวลาถ้าไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งรองนายกฯแต่ละฝ่ายต้องแบ่งกันทำงาน ซึ่งได้เรียนท่านนายกฯแล้ว ซึ่งเห็นชอบกับวิธีทำงานแบบนี้”

คกก.กลั่นกรอง เริ่มยุค ป๋าเปรม

คณะกรรมการดังกล่าว มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งในเวลาต่อมามีถูกเรียกกันหลากหลาย เช่น คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี, คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี

มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องที่แบ่งเป็นด้านใหญ่ ๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม การเกษตร การบริหารราชการ

ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้มีคณะกรรมการกลั่นกรองฯ แต่งตั้งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 172/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี 8 คณะ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบในแต่ละด้าน ประชุมอย่างน้อยเดือนละครั้ง

คณะที่ 1 ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

คณะที่ 2 ฝ่ายคมนาคมและแรงงาน คณะที่ 3 ฝ่ายความสงบเรียบร้อยและกระบวนการยุติธรรม คณะที่ 4 ฝ่ายการศึกษาและฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะที่ 5 ฝ่ายสังคม วิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะที่ 6 ฝ่ายพลังงาน อุตสาหกรรมและการพาณิชย์ คณะที่ 7 ฝ่ายการต่างประเทศ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา คณะที่ 8 ฝ่ายกฎหมาย ระบบราชการและประชาสัมพันธ์

ขณะที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีคณะกรรมการกลั่นกรอง 5 คณะ ประกอบด้วย คณะที่ 1 ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน ติดตามนโยบายเร่งด่วน อาทิ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ มี ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน

คณะที่ 2 ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย แรงงาน และประชาสัมพันธ์ กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นประธาน

คณะที่ 3 ฝ่ายสังคม มีนโยบายเร่งด่วน อาทิ พัฒนาระบบประกันสุขภาพ จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเลตให้แก่โรงเรียน มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ เป็นประธาน

คณะที่ 4 ฝ่ายเศรษฐกิจ นโยบายเร่งด่วนคือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง, ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ, ปรับลดภาษีนิติบุคคล, ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน มี กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ เป็นประธาน

คณะที่ 5 ฝ่ายการเกษตร มีนโยบายเร่งด่วนคือ ส่งเสริมให้การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายพื้นที่ชลประทาน รวมถึงเร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและนอกประเทศ มี ชุมพล ศิลปอาชา เป็นประธาน

ในแต่ละคณะก็จะมี รัฐมนตรี และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับงานด้านนั้น ๆ นั่งเป็นคณะกรรมการ เพื่อกลั่นกรองวาระก่อนเข้าสู่ที่ประชุม ครม.

ขณะที่รัฐบาลเศรษฐา มีรองนายกฯ 6 คน ประกอบด้วย 1. ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ 2. สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ 3. ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ

4. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย 5.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6.พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงพลังงาน

ดึงขุนพล ไทยรักไทย

นอกจากมีคณะกรรมการกลั่นกรองแบ่งเบา แล้ว “ทีมเศรษฐา” ยังมีขุนพลยุค อดีตไทยรักไทย เตรียมกลับมาเสริมทัพ “นพ.พรหมินทร์” กล่าวว่า “คนเก่า ๆ มีเข้ามาหลายคนแล้ว ทุกคนวันนี้เป็นโอกาสที่จะทำงานให้บ้านเมือง เดี๋ยวทุกคนก็จะกลับมาทำงาน”

คนแรกที่ปรากฏชื่อ และเป็นคนคุ้นเคยคือ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อน 2 นโยบายคือ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ และอัพเกรดโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค

รัฐบาลเศรษฐา พร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มสูบ ไม่รู้จักเหน็ด ไม่รู้จักเหนื่อย อดใจรออีกนิด