
เศรษฐา เผยต่างชาติสนใจหุ้นกู้สีเขียว สั่งสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ขีดจำกัดเรื่องการใช้เงิน จึงต้องขยายขอบเขต ระดมทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปลื้ม BlackRock ตอบรับ เล็งดึงตั้งสำนักงานในไทยลงทุนเพิ่ม
วันที่ 21 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 กันยายน 2566 ตามเวลาท้องถิ่นที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ UNGA ครั้งที่ 78 ว่ารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอแนวคิดของประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ในฐานะคนไทย และไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่รวมถึงรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา ที่ร่วมมือกัน
ซึ่งหลายประเทศให้ความชื่นชมที่ไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพแวดล้อม ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจและการเมืองอย่างเดียว คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมทำให้บ้านเมืองดีขึ้น มีพลังงานสีเขียว เป็นความภาคภูมิใจ ตนมาในฐานะผู้นำมาทำหน้าที่นำเสนอเท่านั้น มีเวลาเพียง 10 วันในการเตรียมตัว ก็พยายามนำเสนอแต่เรื่องดีๆของประเทศ
นายเศรษฐากล่าวว่า ธีมของการประชุมครั้งนี้คือการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ซึ่งไทยได้เสนอ Sustain Development Goal ในความเห็นส่วนตัว ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ควรจะทำ โดยเฉพาะช่วง geo politic มีความร้อนแรง มีความเห็นต่างทางความคิดเยอะมาก กับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ แต่เรื่องนี้ทุกคนเห็นร่วมกันว่าภาวะโลกร้อน จะทำอย่างไรให้มีความยั่งยืนในการดำรงชีพของประชาชนในทุกประเทศ ถือเป็นธีมที่ดี ที่ผสมผสานทุกประเทศด้วยกัน ได้ไปพูดในหลายเวที ทุกประเทศให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการเติบโตระหว่างประเทศ
“สำหรับการออกหุ้นกู้ Sustaianability linked bond ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านนี้ และมีการออกหุ้นกู้ 12,500 ล้านเหรียญสหรัฐอยู่แล้ว แต่เป็นหุ้นกู้ที่มีขีดจำกัดเรื่องการใช้เงิน จึงต้องขยายขอบเขต ซึ่งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะเขียนคำจำกัดความขึ้นมาว่า การจะระดมทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐว่าจะมีขอบเขตอย่างไร และจะทำ Green Economy อย่างไรบ้าง ซึ่งได้รับการตอบรับ โดยเฉพาะจาก BlackRock ที่ให้ความสนใจอย่างมาก ผมเชื่อว่าคนไทยคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นข้อดีของการแย่งกันซื้อทำให้ราคาถูก เป็นสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น”นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า BlackRock มีสำนักงานอยู่แล้วที่ฮ่องกง และสิงคโปร์ ทางสำนักงานประกันสังคมของไทยมีการลงุทนอยู่แล้วบ้าง เราจึงมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ทาง BlackRock มีการลงทุนโดยตรงกับบริษัทพลังงานอยู่แล้ว ประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่มาลงทุนในไทยแล้ว
ซึ่ง Blackrock อยากให้มาลงทุน ตนเองมีการพูดคุยอยากให้เข้ามาลงทุนในไทย หากมีการลงทุนเพิ่มก็ยินดีให้ตั้งสำนักงานในไทย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุด ที่บริหารเงินทั้งหมด เป็นจุดเริ่มต้น ไม่เคยเจอกันเลย ก็จะทำงานต่อเนื่อง และคงต้องมีการวางแผนพูดคุยกันอย่างรอบคอบ และต้องให้ความเป็นธรรมกับคนในประเทศไทยด้วยว่าไม่ให้ทำอะไรที่เป็นการปฏิบัติเป็นพิเศษ
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับถ้อยแถลงในเวทีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้มีการนำเสนอ อัจฉริยะเกษตร ที่มีปรัชญาต่อเนื่องมาจากเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำเสนอให้ชาวโลกทราบ ความสำคัญที่เรื่อง climate change มีการพูดถึงเป้าหมายในแต่ละปี เพื่อให้พัฒนาเร็วขึ้น ด้าน carbon ambition ไทยพยายามทำให้ดีขึ้น ซึ่งประเทศเราหากดูจากตัวเลขที่ UN ให้มามีการพัฒนาดีกว่าหลายประเทศ ซึ่งผู้นำหลายประเทศชื่นชมมาด้วย
นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนสถานการณ์เงินบาทอ่อนใประเทศไทย ทราบสถานการณ์แล้ว แต่เรื่องนี้อยู่ในความดูแลของทางธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐบาลไม่ได้ไปก้าวก่าย ตนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนระยะสั้น ซึ่งทำให้เงินทุนไหลออกเพื่อเก็งกำไร ในแง่ประเทศอื่นที่มีส่วนต่างของดอกเบี้ยสูงกว่า
“รัฐบาลไม่ได้ไปก้าวก่าย แต่ไม่อยากให้บอกว่าเงินบาทอ่อนจะไม่ดีเสมอไป เพราะมาช่วยเรื่องการส่งออก ทำให้ตัวเลขดีขึ้น หรือการท่องเที่ยว มีเงิน 1 เหรียญได้ 36 บาท ทำให้คนอยากมาท่องเที่ยวยิ่งขึ้น” นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนกรณีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปีมีการปรับตัวสูงขึ้น เพราะรัฐบาลระดมเงินทุนจำนวนมาก ทำให้กระทบต่อสภาพคล่องของเอกชนนั้น สภาพคล่องในประเทศยังมีอยู่เยอะมาก ตรงนี้จึงไม่น่าใช่ประเด็น เรื่องนี้ได้คุยกับกระทรวงการคลังแล้ว สภาพคล่องเรามีอยู่เยอะมาก จึงไม่น่ากังวลต่อสภาพคล่องของเอกชน