รู้จัก 23 กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ยุค “แพทองธาร” 

พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย มีหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ชื่อว่า แพทองธาร ชินวัตร ปรับทัพใหม่ ทัพใหญ่ เพื่อเตรียมพร้อมสู้รบทางการเมือง กับคู่ต่อสู้คนสำคัญอย่างพรรคก้าวไกล 

ประกาศภารกิจ 4 ข้อที่สำคัญที่คณะทีมผู้บริหารทีมใหม่ จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคอย่างชัดเจน คือ

พรรคเพื่อไทย

1. เราจะทำ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ นำข้อมูลทุกอย่างให้อยู่ในระบบดิจิทัล เพื่อที่ว่าไม่ว่าคณะเข้ามาทำงานอย่างไร ก็จะได้มีการต่อยอดและพัฒนาได้อย่างง่ายขึ้น ข้อมูลสมบูรณ์แบบมากขึ้น

2. เราจะสร้างองค์กรแนวราบ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุก ๆ คน ทำให้พรรคได้เกิดประสบการณ์ มีกระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น

3. เราจะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ Learning Organization ที่จะมีศูนย์ข้อมูล ศูนย์วิจัย เพื่อที่จะพัฒนานโยบายของเรา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อปรับใช้ตามยุคสมัยให้ทันท่วงที

และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างเท่าทัน เราจะมีการฝึกอบรมศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นยุวสมาชิกหรือสมาชิกทั่วไป แบ่งพื้นที่ให้คนทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ได้สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ไอเดียซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่

และ 4. ข้อสุดท้ายนี้เป็นข้อที่สำคัญ เราจะสร้างเครือข่าย “ครอบครัวเพื่อไทย” ให้แข็งแรงและมีในทุก ๆ พื้นที่ของประเทศไทย เพื่อที่เราจะได้รับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนที่สะท้อนมา ของตัวเองและของครอบครัวได้อย่างชัดเจน ให้มาถึงพรรคเพื่อไทยได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ยังคลอดกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 23 คน เพื่อผลักดัน 4 ภารกิจให้ลุล่วง ต่อไปนี้คือ ที่มา – ที่ไป ของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ 

1. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าพรรค ชื่อนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเธอคือดีเอ็นเอ ของ “ทักษิณ ชินวัตร” 

2. รองศาสตราจารย์ ชูศักดิ์  ศิรินิล  รองหัวหน้าพรรค จบปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เนติบัณฑิตไทย ปริญญาโท สาขากฎหมายเปรียบเทียบ จาก Southern Methodist University, Dallas, รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาจารย์กฎหมายใน ม.รามคำแหง กระทั่งได้เป็นอธิการบดี ในช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 อนุญาตให้นักศึกษาจัดการชุมนุมร่วมกับประชาชน ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นที่มั่นสุดท้ายของประชาชน และ นักศึกษา หลังเกิดเหตุรุนแรงที่ถนนราชดำเนิน 

ในงานด้านการเมือง เคยเป็นทั้ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  

3. นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์   รองหัวหน้าพรรค ขณะนี้เป็น รมช.คลัง คุมเรื่องการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท เขามีชื่อเล่น  “หนิม” เป็น สส.เชียงใหม่ เกิด 8 เมษายน 2518 อยู่ในครอบครัวการเมือง โดยเป็นลูกชายของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ขณะที่ภรรยาก็คือ “ยิ้ม” วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการดองระหว่าง  2 ตระกูลการเมืองในเชียงใหม่ กับ เชียงราย

สำเร็จการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ (MBA) จากวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา ถือเป็นมือ “เศรษฐกิจ” ของพรรคเพื่อไทย และเป็นมือทำงานสำคัญในสภาของพรรคเพื่อไทย

4. นายโอชิษฐ์  เกียรติก้องชูชัย รองหัวหน้าพรรค เป็นคนในตระกูลบ้านใหญ่ “เกียรติก้องชูชัย” แห่ง จ.ชัยภูมิ ที่มีฐานการเมืองระดับท้องถิ่น จนถึงระดับชาติ และขุมข่ายธุรกิจระดับพันล้าน – หลายกิจการ  จริงๆ อีกทั้ง ยศตำแหน่งเขาคือ “นายแพทย์” เคยเป็น สส.พรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งปี 2554 เอาชนะคนของพรรคเพื่อไทยไปได้ แต่ต่อมาย้ายสังกัดมาอยู่พรรคเพื่อไทย และได้เป็น สส.ในการเลือกตั้ง 2562

5. นางสาวจิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค สส.ร้อยเอ็ด ไม่มีใครไม่รู้จัก คู่จิ้น “อิ่ม-น้ำ” สร้างผลงานอภิปรายในสภาสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน โดยเฉพาะกรณีเหมืองทองอัครา จนมีแฟนคลับเยาวรุ่นตามกรี๊ดเนืองแน่นทุกครั้งที่มีการประชุม สส.พรรค วันนี้ได้ขยับสถานะจากสมาชิกในกรรมการบริหารพรรค มาเป็น รองหัวหน้าพรรค

6. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ  รองหัวหน้าพรรค หรือ โฟม หลานของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม ในสมัยที่แล้ว “โฟม” เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อ “สุริยะ” ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ มาเป็นคีย์แมนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย “โฟม” จึงย้ายมาพร้อมกัน แม้ว่า ลำดับบัญชีรายชื่อของเขาอยู่ในอันดับท้าย 90-100 ของตารางผู้สมัครบัญชี สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แต่นั่นคือลำผู้ที่ต่อคิวจะได้เป็นรัฐมนตรี ในอนาคต

7. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล  รองหัวหน้าพรรค หรือ ออฟ เด็กปั้นของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ฝึกปรือฝีมือในทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยมายาวนาน มีชื่อเป็นรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ แม้วันนี้จะได้เป็นเพียง เลขานุการ รมว.คลัง แต่นี่คือการปูทางไว้เพื่อเป็นรัฐมนตรีวันข้างหน้า

8.นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค หรือ บอย เป็นทายาทตระกูลเทียนทอง เป็นบุตรคนโตชอง ”เสนาะ เทียนทอง – นางอุไรวรรณ เทียนทอง” สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศจาก Johnson Wales University ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยเป็น รมช.สาธารณสุข ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

9. นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์  รองเลขาธิการพรรค เป็นชาวภูเก็ต  ก่อนหน้านี้เคยใช้นามสกุล “ชินวัตร” เพราะแต่งงานกับคนในตระกูลชินวัตร ลงสมัคร สส.ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน อีกด้านเป็น ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์ทันตกรรม รพ.พระราม9 และเป็นอดีตลขานุการ รมว.วัฒนธรรมและเลขานุการรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

10. นางสาวลิณธิภรณ์  วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค ชื่อเดิม “อรุณี กาสยานนท์” แต่เปลี่ยนทั้งชื่อ และนามสกุล ด้วยเหตุผลโชคลาง ซึ่งเกี่ยวพันกับสุขภาพ เคยนั่งในตำแหน่งโฆษกพรรคเพื่อไทย  ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก และเป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนจะเล่นการเมืองครั้งแรกในนามพรรคไทยรักษาชาติ กระทั่งพรรคถูกยุบและย้ายมาพรรคเพื่อไทย

11. นายศรัณย์  ทิมสุวรรณ รองเลขาธิการพรรค สส.เลย 2 สมัย ลูกชายของ “นันทนา ทิมสุวรรณ” อดีต สส.เลย ปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในฝ่ายนิติบัญญัติของเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)

12. นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์  เหรัญญิกพรรค ป้จจุบันที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี) อดีต สส.เพชรบูรณ์ พรรคไทยรักไทย 2 สมัย

13. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช นายทะเบียนสมาชิกพรรค ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นลูกชายของ “สาโรจน์ หงษ์ชูเวช อดีต ผอ.พรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีใครในพรรคเพื่อไทย ไม่รู้จัก

14. นายดนุพร  ปุณณกันต์   โฆษกพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อ กลับมาการเมืองเบื้องหน้าอีกครั้งหนึ่ง

15. นางสาวธีรรัตน์  สำเร็จวาณิชย์  กรรมการบริหาร สส.อิ่ม เป็น สส.หนึ่งเดียวของ พรรคเพื่อไทย ใน กทม.

16. นายวรวงศ์ วรปัญญา  กรรมการบริหาร สส.ลพบุรี  เป็น สส.สมัยแรก หลานชายของ “นิยม วรปัญญา” อดีต สส.

17. นายพชร  จันทรรวงทอง  กรรมการบริหาร สส.นครราชสีมา เป็นบุตรชายของ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

18. นายนิกร  โสมกลาง   กรรมการบริหาร  สส.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในครอบครัว “หวังศุภกิจโกศล” ที่มี “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” เจ้าของฉายา “เสี่ยโรงแป้ง” เป็นหัวหน้าผู้สมัคร

19. นายธิติวัฐ  อดิศรพันธ์กุล  กรรมการบริหาร อดีตผู้สมัคร สส.กทม. ก็เป็นเครือข่ายของ “หวังศุภกิจโกศล” ที่ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย มาอยู่พรรคเพื่อไทย ลงสมัคร สส.กทม. โดยได้รับการสนับสนุนจาก “พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

20. นายจเด็ศ จันทรา กรรมการบริหาร อดีต สส.พิษณุโลก เป็นพื้นที่การดูแลของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกแรงหนุนช่วงหาเสียง แต่ที่สุดแล้วไม่ได้รับการเลือกตั้ง 

21. นายพลนชชา จักรเพ็ชร   กรรมการบริหาร หรือ “ท็อป” หาก เผ่าภูมิ คือ มือขวาของ ภูมิธรรม เขาก็เปรียบเหมือน “มือซ้าย” ในแง่ทีมงานคนรุ่นใหม่ของ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ มี passion การเมืองตั้งแต่เด็ก เคยเป็นทีมงานแบ็คอัพของ “นพดล ปัทมะ” ตั้งแต่อายุ 17 แต่หลังจากการเลือกตั้ง 2562 ในวัยผู้ใหญ่ เขาก็มาช่วยงาน ภูมิธรรม คู่กับ เผ่าภูมิ 

22. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ  กรรมการบริหาร  เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำงานกับ “ภูมิธรรม” เช่นกัน ปัจจุบันเป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

23. นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร  กรรมการบริหาร เป็นบุตรสาวของ นายพงศกร อรรณนพพร บุคคลที่เคยย้ายไปก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งเธอได้รับแรงกดดันพอสมควรระหว่างที่บิดาทำงานกับพรรคไทยสร้างไทย แต่สุดท้าย “พงศกร” ก็ย้ายกลับมาพรรคเพื่อไทย ก่อนการเลือกตั้ง 2566 และได้เป็นกรรมการบริหารพรรค