เส้นทาง “แพทองธาร” นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนที่ 8

แพทองธาร ชินวัตร

และแล้วพรรคเพื่อไทย มีหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” แบบไม่มีใครแข่งหรือกล้าแข่ง เพราะเธอเป็นมากกว่า “สายตรง” ชินวัตร

หากแต่มี “ดีเอ็นเอ” ของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งกายและใจ

แพทองธารขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต่อจาก นายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ, สุชาติ ธาดาธำรงเวช, ยงยุทธ วิชัยดิษฐ, จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หลังจากก่อนหน้านี้เธอรับตำแหน่ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม

แพทองธาร ชินวัตร

ก่อนที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย จะเริ่มต้นขึ้น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ผู้กำหนดยุทธศาสตร์คนสำคัญของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า

“เราไม่ได้เลือกหัวหน้าพรรคว่ามาจากตระกูลอะไร แต่เราเลือกจากคนที่มีประสิทธิภาพ ความสามารถ ความพร้อมในการที่จะเป็นหัวหน้าพรรค และ น.ส.แพทองธารก็พิสูจน์ตัวเองมาสักพักแล้ว ซึ่ง น.ส.แพทองธารไม่ใช่คนใหม่ แต่เข้ามาอยู่กับพรรคไทยรักไทยตั้งแต่เด็ก ๆ ได้เข้าร่วมประชุมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงลงพื้นที่กับนายทักษิณมาโดยตลอด

เชื่อว่า น.ส.แพทองธารเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจนโยบายของพรรคไทยรักไทยไม่แพ้ใคร และเคยผ่านวิกฤตที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง สามารถผ่านมาได้อย่างดี”

ย้อนกลับไปเส้นทางของ “แพทองธาร” ก่อนจะมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนที่ 8

28 ตุลาคม 2564 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่จังหวัดขอนแก่น “แพทองธาร” เปิดตัวร่วมการเมืองแบบเซอร์ไพรส์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม

“ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่ทำงานในฐานะที่ปรึกษาพรรค จะมาทำด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ มาด้วยหัวใจที่อยากจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสที่มากขึ้นกว่านี้ ส่วนโอกาสที่จะมาทำงานการเมืองต่อหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเป็นที่ปรึกษาพรรค และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นี่คือก้าวแรกที่ได้เป็นที่ปรึกษาก็ยังตื่นเต้น กลัวทำได้ไม่ดี ขอเอาตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลัง” เธอให้สัมภาษณ์ครั้งแรก

งานแรก ๆ ที่ “แพทองธาร” ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ลงมือทำคือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และไอเดียใหม่ ๆ กับกลุ่ม UNISEC และกลุ่ม SpaceZap ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนและผู้ที่มีความสนใจในด้านอวกาศ

ไอเดียต่อมาคือ คิดค้นนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ปลดปล่อยศักยภาพคนไทย สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง

ต่อมาพรรคเพื่อไทยได้ผุดโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย” ให้ว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคได้มีส่วนร่วมในการ “หาสมาชิก” เป็นฐานในการ “คัดคน” ลงสมัครเลือกตั้ง “แพทองธาร” จึงสวมบท “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” อีกตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2565 โดยใช้เมืองหลวงคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี เป็นสถานที่เปิดตัว

“ถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป และทำให้ดีกว่าเดิม จะไม่มีทางลืมประชาชนรากหญ้าที่สนับสนุนมาตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงวันนี้ ยังตระหนักถึงความทุกข์ ความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนเสมอ ตอนนี้ฤดูกาลของต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนี้มาถึงแล้ว จะต้องอยู่อย่างแข็งแกร่ง และอยู่รอด เพื่อเป็นความหวังของประชาชน” แพทองธารกล่าวบนเวที

เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง “แพทองธาร” ลุยเกือบทุกเวที หาเสียงภาคอีสาน และเหนือ แม้ว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 กระทั่งเปิดตัว “เศรษฐา ทวีสิน” เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

ต่อมา 5 เมษายน 2566 พรรคเพื่อไทยจึงเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ 3 คนคือ แพทองธาร-เศรษฐา-ชัยเกษม นิติสิริ

14 พฤษภาคม หลังการเลือกตั้งล็อกถล่ม เพราะพรรคเพื่อไทย นอกจากไม่แลนด์สไลด์แล้ว ยังได้ สส.เป็นอันดับสอง รองจากพรรคก้าวไกล แบบช็อกกันทั้งพรรค

10 วันให้หลัง พรรคเพื่อไทยจัดประชุมสรุปบทเรียนพ่ายแพ้เลือกตั้ง ภายใต้ชื่อจัดงาน ‘ประสานกำลังใจ เดินหน้าต่อไป เพื่อประชาชน’ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งตอนนั้นยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ยกคำพูดของ “แพทองธาร” ในที่ประชุมว่า “เราต้องยอมรับว่า เราแพ้ในการเลือกตั้ง แต่ต้องก้าวต่อไป การแพ้เลือกตั้งไม่ใช่การล่มสลาย แต่จะเป็นแรงผลักดันให้เราดำรงอยู่ต่อไป เราพร้อมเดินหน้า โดยเฉพาะการลงพื้นที่ที่ต้องทำต่อ”

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยพลิกกลับมาจัดตั้งรัฐบาล เขี่ยพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมกับมี “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

แพทองธาร ชินวัตร

แพทองธารได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ และยังนั่งในตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ เพื่ออัพเกรดบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค

นี่คือเส้นทาง “แพทองธาร” ลูกสาวคนเล็ก “ทักษิณ ชินวัตร”

วันนี้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนที่ 8