เอฟเฟ็กต์คดี “ศักดิ์สยาม” วัดใจ กกต.ยื่นยุบภูมิใจไทย

ศักดิ์สยาม

เอฟเฟ็กต์คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1 ให้ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 เพราะใช้นอมินีถือหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ในขณะที่ตนเองเป็นรัฐมนตรี

ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คดีเฉพาะตัว “ศักดิ์สยาม” เท่านั้น หากลามไปถึงการยุบพรรค เพราะท่อนหนึ่งของคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญระบุเรื่องการบริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย

“สำหรับข้อเท็จจริงถึงการบริจาคเงินของนายศุภวัฒน์ให้กับพรรคภูมิใจไทย ในระหว่างที่ผู้ถูกร้องเป็นเลขาธิการพรรค จากเอกสารของพรรคภูมิใจไทย ปรากฏว่า นายศุภวัฒน์บริจาคเงินหรือทรัพย์สินประโยชน์อื่นให้พรรคในนามส่วนตัว มูลค่า 2,270,000 บาท และในปี’62 บริจาคในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญฯเป็นเงินจำนวน 4,800,000 บาท และจำนวน 6,000,000 ในปี’65”

“ซึ่งเป็นช่วงเวลาภายหลังผู้ถูกร้องโอนหุ้นให้นายศุภวัฒน์ในปี’61 แล้วไม่ปรากฏว่าช่วงเวลาก่อนโอนหุ้นนายศุภวัฒน์และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญฯเคยบริจาคเงิน ทรัพย์สินให้แก่พรรคภูมิใจไทยหรือมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใด ๆ กับพรรคมาก่อน”

“ประกอบกับที่นายศุภวัฒน์เบิกความว่าก่อนที่ตนจะได้รับโอนหุ้น ตนไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย กรณีมีข้อพิรุธสงสัยว่านายศุภวัฒน์และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญฯไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทย แต่ช่วงเวลาที่ผู้ถูกร้องโอนหุ้นให้นายศุภวัฒน์แล้ว นายศุภวัฒน์และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญฯกลับบริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับพรรคการเมืองที่ผู้ถูกร้องเป็นเลขาฯพรรค”

คดี “ศักดิ์สยาม” อาจเทียบเคียงได้กับคดี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เคยให้เงินบริจาคแก่พรรคอนาคตใหม่ เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคมาแล้วเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นการตั้งเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจาก “ธนาธร” แสดงรายการเงินให้กู้ยืม ให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมจำนวน 191,200,000 บาท ต่อ ป.ป.ช.

Advertisment

โดย กกต.มองว่า การกู้เงินดังกล่าว ถือว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเข้าข่ายเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

ที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “ยุบพรรค” อนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี

Advertisment

ตัดมาที่เส้นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย และเงินบริจาคของ หจก.บุรีเจริญฯ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ศักดิ์สยาม” ยังคงเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น โดยมีนายศุภวัฒน์ดูแลแทนมาโดยตลอด

เรื่องนี้มีการร้องยุบพรรคภูมิใจไทยไว้ที่ กกต.แล้ว เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 โดยชายที่มีชื่อว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”

เนื่องจากเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง 2560 มาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จากนี้ ขึ้นอยู่กับ กกต.จะใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาประกอบคำร้องพิจารณากรณีพรรคภูมิใจไทยหรือไม่