เศรษฐา เด้ง “ต่อศักดิ์-บิ๊กโจ๊ก” ช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรี

ต่อศักดิ์-บิ๊กโจ๊ก

เศรษฐา สั่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยงานสำนักนายกฯ มอบหมายให้ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์” รอง ผบ.ตร.รักษาการแทน มีผลทันทีตั้งแต่ 20 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นประการอื่น

วันที่ 20 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังเกิดปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี

และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ รอง ผบ.ตร. หรือ”บิ๊กต่าย” เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

ซึ่งขณะนี้เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เรียก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าพบ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

มีรายงานด้วยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ก.ตร. ในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค. 67 ในเวลา 08.00 น.)

สำหรับคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงเป็นข่าวต่อสาธารณะโดยทั่วไปในลักษณะต่อเนื่องติดกันตลอดเวลา นับแต่ช่วงระยะเวลาก่อนและหลังการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 จนถึงปัจจุบัน

แม้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องปฏิบัติราชการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจ มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามควรที่ปรากฏถึงความขัดแย้ง จนที่เป็นที่ประจักษ์ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนทั่วไป แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งในทางการบริหารงานบุคคล และงานต้านกระบวนการยุติธรรม จนถึงขนาดมีการกล่าวหาต่อกันและกันในเรื่องส่วนตัว

ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งที่ 247/2566 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศมาครั้งหนึ่งแล้ว

จนกระทั่งที่สุดถึงขนาดมีการกล่าวหาให้มีการดำเนินคดีอาญา แสดงให้เห็นถึงความปฏิปักษ์ต่อกัน และความขัดแย้งส่อจะลุกลามบานปลายจนไม่อาจหาข้อยุติได้ ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยต้องประพฤติปฏิบัติตนเหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ของตำรวจ และอยู่บนจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ และเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม หากไม่กระทำการใต ๆ อาจเป็นเหตุให้ราชการและประชาชน ประเทศชาติเสียหายได้

ดังนั้น เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นภารกิจหลักและบริการประชาชนใด้อย่างมีประสิทธิภาพแลรวดเร็ว และเพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ใช้อำนาจให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด สมควรพิจารณาสั่งการให้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ไปปฏิบัติราชการนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 33 ( 4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงมีคำสั่งให้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏฺบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม และให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มพิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่นใดไม่ต่ำกว่าที่ได้รับอยู่เติม โดยเบิกจ่ายจากสังกัดเดิม

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประการอื่น