“มาร์ค” ป้องลูกพรรค ถามกลับ! จังหวัดอื่นอยากได้งบแบบบุรีรัมย์ ต้องจัดต้อนรับยิ่งใหญ่ใช่หรือไม่

คลิกอ่านที่นี่… “บิ๊กตู่” จ่ายมัดจำ 2 หมื่นล้าน มัดใจ “เนวิน+25 เสียงภูมิใจไทย”

“มาร์ค” ป้องลูกพรรค ถามกลับ หากพื้นที่ภาคอีสาน จว.อื่น อยากได้งบประมาณแบบบุรีรัมย์โมเดล ต้องจัด ส.ส.ไปต้อนรับนายกฯยิ่งใหญ่หรือไม่ ย้อนถาม “วิษณุ” เคยประเมิน ครม.สัญจร สมัยรัฐบาล “ชวน” คุ้มไม่คุ้ม รู้ข้อมูลดี ชี้ “ภูมิใจไทย” จะไม่เปลี่ยนเป็นอื่น จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าลูกพรรคตนใครไปตอบโต้อะไรกับใครบ้าง แต่ตนก็พูดมาหลายครั้งว่าการลงพื้นที่ก็ถ้าทำให้เกิดประโยชน์ก็ดี รวมทั้งเคยเตือนเรื่องที่ว่าระบบของการที่ใช้วิธีเอาผู้นำรัฐบาล ผู้หลักผู้ใหญ่ไปลงพื้นที่ แล้วก็เหมือนกับบอกว่ามันจะต้องชัดเจน มีติดไม้ติดมือไปอนุมัติงบประมาณ เรื่องแบบนี้ต้องระมัดระวังว่าจะไม่ทำให้ระบบของการจัดสรรทรัพยากรมันเสีย เพราะฉะนั้นเข้าใจว่าที่ผมเห็นก็มีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าปชป. ที่ออกมาพูดว่าก็อยากให้งบประมาณมันไปทั่วถึงทุกจังหวัดในอีสาน แต่ว่าเรื่องอื่นปลีกย่อยตนก็เห็นพาดหัวข่าว แต่ผมไม่ได้ติดตาม

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ มองเป็นเรื่องของการดูดพรรคการเมือง หรือการไปร่วมกับพรรคทหาร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะไม่เปลี่ยนเป็นอื่น ก็คงจะเป็นพรรคภท.ต่อไป และคิดว่าพรรคภท.จะมีท่าทีที่ชัดเจนในช่วงเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้ง ตนได้มีโอกาสคุยแลกเปลี่ยนกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภท. เวลาพบปะกัน ตนเห็นว่านายอนุทินก็ค่อนข้างหนักแน่นว่า พรรคของเขาก็คือพรรคของเขา แล้วก็จุดยืนทางการเมืองจะเป็นอย่างไร เขาก็บอกว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันในช่วงของการเลือกตั้ง แต่ว่าเมื่อรัฐบาล บอกว่าจะสัญจรไปในพื้นที่ซึ่งเขาคิดว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของเขา แล้วก็ติดต่อเขาไปด้วย ที่จะให้เขาไปต้อนรับ เขาก็ให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นส่วนตัวจึงไม่ได้มองว่ามีการดูดลักษณะนั้นอย่างที่ว่า แต่ว่าในรูปแบบที่ออกมา ก็ทำให้คนก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามว่า ถ้าจังหวัดอื่นเขาอยากจะได้งบประมาณแบบนี้บ้าง เขาต้องทำอย่างไร เขาจะต้องมีอดีต ส.ส. นักการเมือง ที่มาต้อนรับแบบนี้หรืออย่างไร ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ตนก็ย้อนกลับไปเหมือนเดิมว่า มันจะกระทบแนวความคิดที่เราพูดกันถึงเรื่องหลักที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน และระบบการเมืองที่ดี

“ผมก็เรียนตรงๆ นะครับ ผมนี้เข้าไปเป็นเกี่ยวข้องอยู่ในซีกรัฐบาลครั้งแรก ตั้งแต่ปี 35 สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี นายชวนเคยถามทว่า ครม. สัญจรเป็นอย่างไร เพราะสมัยก่อนหน้าท่านนายกฯ ชวนนั้นมี ครม.สัญจร ผมยังจำได้เลยสื่อมวลชนก็เคยล้อเลียนว่าเป็น ครม. ทัศนาจรหรือเปล่า ท่านนายกฯ ชวนเคยถาม แล้วก็ผมจำได้ว่า ข้าราชการตอบว่า ควรจะประเมินความคุ้มค่า ค่าใช้จ่ายที่ลงไปแต่ละครั้ง จริงๆ อยากให้เขาเปิดเผยเหมือนกันว่าตกลงค่าใช้จ่ายเวลาจะจัดประชุมนอกสถานที่แบบนี้ ประชุมครั้งละเท่าไหร่ แล้วจะได้ดูว่ามันคุ้มหรือไม่ และสมัยท่านนายกฯ ชวน ท่านเมื่อถามแล้ว ประเมินดูแล้ว คิดว่ามันไม่คุ้ม คนหนึ่งที่น่าจะรู้ดี คือท่านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม เพราะตอนนั้นอยู่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อยากถามว่าท่านเคยจำได้หรือไม่ว่า เคยมีการประเมินกันเรื่องนี้กันอยู่เหมือนกัน ว่ามันคุ้ม หรือไม่คุ้มอย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ที่มา: มติชนออนไลน์