“มิถุนาเดือด” พลิกเกมการเมือง 6 วาระร้อน ลุ้นยุบก้าวไกล-ล้มเลือก สว.?

ก้าวไกล เพื่อไทย
คอลัมน์ : Politics policy people forum

รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เดินทางมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองเร็วกว่าที่คาด ผ่านไปไม่ถึง 9 เดือนเต็ม เก้าอี้นายกรัฐมนตรีต้องสั่นไหว จากคำร้องกลุ่ม 40 สว.

ขณะที่การเลือก สว.ก็มีสิทธิพลิกคว่ำพลิกหงาย เกมการแก้รัฐธรรมนูญนโยบายการเมืองของรัฐบาล ที่ตั้งลูกผ่านการทำประชามติ แต่กฎหมายประชามติก็ยังไม่มีคำตอบที่สะเด็ดน้ำ

รวมถึงกฎหมายงบประมาณ 3.7 ล้านล้าน ที่ต้องเปิดสภาสมัยวิสามัญ ในจังหวะเดียวกับที่รัฐบาลกำลังโดนรุม

ทุกอย่างจะบรรจบในวันที่ 18 มิถุนายน อาจเป็นจุดพลิกเกมครั้งสำคัญ ดังต่อไปนี้

เขย่าเศรษฐา – ยุบก้าวไกล

3 เรื่องร้อนในศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีความชัดเจน ในวันที่ 18 มิถุนายน 67

เรื่องแรก กรณี 40 สว.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน จากกรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ADVERTISMENT

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญให้ 40 สว. เรียกบัญชีระบุพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ขณะที่ “ข้อต่อสู้” ของ “เศรษฐา” ยืนยันว่า การแต่งตั้ง “พิชิต” ทำถูกต้องทุกกระบวนการ รวมถึง ความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ มาตรฐานทางจริยธรรม ต้องนับกันตั้งแต่ “วันที่เป็นรัฐมนตรี” ไม่ได้นับย้อนหลัง

เรื่องที่สอง ปมยุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญเรียกบัญชีระบุพยานจาก กกต.ให้ส่งมาที่ศาลภายในวันที่ 18 มิถุนายน ฝั่ง กกต.ยืนยันว่า

ADVERTISMENT

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2567 ได้ระบุชัดเจนว่า การกระทำของพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

คำวินิจฉัยนี้ทำให้ กกต.ไม่อาจจะทำอย่างอื่นได้ เพราะถือว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า กระทำการตามมาตรา 92 (1) (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 แล้ว

ทั้ง 2 คดี ศาลนัดพิจารณาในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 จะนัดอ่านคำวินิจฉัยในครั้งถัดไป หรือเปิดการไต่สวน ย่อมสะเทือนไปตลอดเดือนมิถุนายน

เลือก สว.ระทึก

แต่ที่จะมีคำตัดสินในวันที่ 18 มิถุนายนทันที คือ คดีที่ศาลปกครองส่งคำโต้แย้งของผู้สมัคร สว. 6 คน มาให้ศาลรัฐธรรมนูญประชุมพิจารณาเรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36, 40, 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่

ซึ่งทั้ง 4 มาตรา เป็นกระบวนการเลือก สว.ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กระบวนการตามกฎหมายลูก ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เท่ากับการเลือก สว.เริ่มต้นนับ 1 ใหม่ทั้งกระดาน

มีรายงานว่า ระดับผู้บริหาร กกต.เช็กสัญญาณนอกองค์กรแล้วว่าสามารถเดินหน้าเลือก สว.ต่อได้ ไม่มีการล้มกระดาน

ทว่า…หลังจากการเลือกระดับอำเภอผ่านพ้นไป มีเกมจัดตั้งของฝ่ายการเมือง อย่างน้อย ๆ 3 กลุ่มอำนาจ ที่จะคุม สว.ทั้งกระดาน

18 มิถุนายน วันชี้ชะตา อาจมีเรื่องไม่คาดฝัน หรือ สุดท้ายแล้วอาจนำไปสู่การฟ้องให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ เมื่อเกมอำนาจไม่ลงตัว

แก้เดดล็อกประชามติ

18 มิถุนายน 2567 ยังเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรเปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญเป็นการด่วน เพื่อพิจารณา 2 เรื่องหลัก หนึ่งในนั้นคือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 ที่กำหนดให้การชนะประชามติ จะต้องชนะถึง 2 ล็อก 2 ชั้น

1.ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกิน “กึ่งหนึ่ง” ของผู้มีสิทธิออกเสียง

2.มีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น

พรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล นำโดยพรรคเพื่อไทย ฝ่ายค้านนำโดยพรรคก้าวไกล จึงเสนอร่างกฎหมาย ปลดล็อกคะแนน 2 ชั้นให้เหลือเพียงชั้นเดียว

เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.ของรัฐบาลที่เพิ่งผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม กำหนดว่า “ให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง และต้องสูงกว่าคะแนนเสียงไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น”

สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มือประสานการเมืองระหว่างทำเนียบรัฐบาล ศูนย์กลางอำนาจ กับ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้ ฝั่งรัฐบาล ที่มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560

มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรขัดข้อง และวันที่ 18 มิถุนายน จะมีการพิจารณา 4-5 ชั่วโมง ก่อนจะลงมติรับหลักการ

อย่างไรก็ตาม ถ้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เกิดอุบัติเหตุ นโยบายการรื้อ – แก้รัฐธรรมนูญ มีสิทธิลากยาวแบบไม่เห็นเส้นชัย

มัดพรรคร่วมผ่านงบ 68

เช่นเดียวกับ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3,752,700 ล้านบาท ซึ่งจะมีการพิจารณา 3 วัน คือ 19-21 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม หากกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลถูกคว่ำ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วยการ ยุบสภา – ลาออก

แม้โอกาส “คว่ำกฎหมายงบประมาณ” เกิดขึ้นน้อย แต่รัฐบาลไม่ประมาท เตรียมนัดประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่อาคารรัฐสภาในช่วงเช้าของวันที่ 17 มิถุนายนนี้

หลังจากวันที่ 10 มิถุนายน “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.คลัง หารือกับหัวหน้า และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลมาแล้วรอบหนึ่ง

คดีทักษิณ 112

อีกคนที่ลุ้นคือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องไปตามนัดอัยการสูงสุด จากคดีผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังจากอัยการมีคำสั่งฟ้องคดี เมื่อ 29 พฤษภาคม แต่ “ทักษิณ” อ้างว่าติดโควิด-19 โดยต้องเลื่อนนัดส่งตัวฟ้องศาลมาเป็นวันที่ 18 มิถุนายน

อย่างไรก็ตาม “ทักษิณ” ยื่นขอความเป็นธรรมมายังอัยการสูงสุด เพื่อ “คัดค้าน” การสั่งฟ้อง โดยระบุเหตุผล กล่าวกับสื่อเกาหลีใต้ ไม่ได้มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และไม่ได้มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ขณะที่เกมการพิจารณานิรโทษกรรมในสภา ซึ่งเป็นขั้นตอนการศึกษากำลังถึงจุดไคลแมกซ์ ว่าจะรวมคดี มาตรา 112 ไว้ด้วยหรือไม่ โดยมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองนิรโทษกรรม ขึ้นมา 1 ชุด มีการโยนหินโครงสร้างว่าจะมีองค์ประกอบ 9-11 คน มีประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน มีนายกฯ หรือรองนายกฯ เป็นรองประธานกรรมการ ตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ร่วมด้วย

ทั้ง 6 ปม 6 เส้นเรื่อง อาจกลายเป็นจุดพลิกเกมในเร็ว ๆ นี้