“สุเทพ”-รวมพลังประชาชาติไทย ดีลลับ 7 วัน ดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯอีกสมัย ?

มาตามนัดสำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน-อดีตเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่จดจัดตั้งพรรคกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อ 25 พฤษภาคม 61

3 มิถุนายน พรรค รปช.ถือฤกษ์ “เปิดตัว” ในยามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการ “ตัวช่วย”

จากเดิมนัดกันที่ “สวนลุมพินี” เพื่อรำลึกถึง “จุดกำเนิด” ของชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแต่ต้องเปลี่ยน “จุดรวมพล” เป็น “มหาวิทยาลัยรังสิต” ณ ศาลาดนตรีสุริยเทพ โรงเรียนวิชาการที่มี “สุริยะใส กตะศิลา” อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นรองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคมซึ่งมีชื่อคาดการณ์ว่าจะเป็นเลขาธิการพรรค รปช.คนแรก โดยมีนายสุเทพ-ผู้รับบทกุนซือมาปรากฏกายแน่นอน

ขณะที่รายชื่อผู้ก่อตั้งพรรค 32 คน อาทิ นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ทนายความของนายสุเทพ นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ อดีตเลขาธิการกลุ่มกรีน นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา นายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายของนายสุเทพ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย บิดาของ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

“ธานี” บอกว่า วันเปิดตัวจะตอบคำถามสื่อมวลชน เช่น พรรค รปช. คือพรรคของ กปปส.หรือไม่ วาระการผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และบทบาทของสุเทพ-พี่ชายในฐานะกุนซือ และยอมรับว่า ถึงแม้ว่าในการจดแจ้งจัดตั้งพรรค รปช. จะมีผู้ก่อตั้งพรรคแค่ 32 คนแต่ในวันเปิดตัวกับสื่อมวลชนในวันที่ 3 มิถุนายน มีสมาชิกเพิ่มอีกเป็นหลักร้อยชีวิต พร้อมตั้งคณะทำงาน 4 ชุด

และช่วงต้นเดือนกันยายนจะประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค-รองหัวหน้าพรรค

จับจังหวะก้าว-มูฟของนายสุเทพก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคมจนกระทั่งนำมาซึ่งการเปิดโรงแรมหรูย่านสุขุมวิทให้เครดิตผลงานปฏิรูปในรอบ 4 ปีของรัฐบาล-คสช. ขณะที่คำตอบของนายสุเทพที่ปฏิเสธทุก “ธงคำถาม” ทั้งสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯคนต่อไป-การตั้งพรรค กปปส. ทว่า “ปลายธง” ในมือของนายสุเทพกลับ “กำคำตอบ” ไว้ทั้งหมด

“ผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้ทำหน้าที่นายกฯ ให้ประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์…ถ้าวันข้างหน้าประชาชนคิดตั้งพรรคการเมืองโดยมีอุดมการณ์ ความคิดเดียวกันกับที่ผมคิด ผมก็อาจจะไปรวมกับประชาชนเหล่านั้น การตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ชื่อ กปปส.ไม่มี แต่เป็นสิทธิเสรีภาพที่อดีตแกนนำ กปปส.จะไปร่วมกับพรรคการเมืองอื่น”

หลังจากนั้นเพียง 3 วัน นายทวีศักดิ์-ทนายความคู่บุญของนายสุเทพ กับนายจาตุรันต์-อดีตเลขาธิการกลุ่มกรีน ได้นำ 35 รายชื่อผู้ก่อตั้งพรรคจดจัดตั้งพรรคกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายทวีศักดิ์ยอมรับว่า การจัดตั้งพรรคครั้งนี้มีการปรึกษานายสุเทพ และในอนาคตอาจจะมีการเชิญนายสุเทพมาร่วมเป็นสมาชิกพรรค แต่จะไม่เป็นกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)

“พรรคนี้ไม่ใช่พรรคของ กปปส.หรือเป็นพรรคสาขาของ ปชป. แต่จะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง มุ่งเรื่องการปฏิรูปประเทศ ซึ่งก็เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน จากการชุมนุมที่ผ่านมา เพราะที่ผ่านมาพรรคการเมืองมักมีแต่พรรคของเจ้าของพรรคและผู้มีบารมีเท่านั้น”

มูฟต่อไปของ “สุเทพ” ต้องย้อนกลับไปก่อนทนายความของนายสุเทพจะจดจัดตั้งพรรค รปช. หลังจาก “ศ.พิเศษ ดร.อเนก เหล่าธรรมทัศน์” นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์-เจ้าของทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย และอดีตหัวหน้าพรรคมหาชน แม้จะออกมาปฏิเสธการนั่งเป็นหัวหน้าพรรค กปปส. แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มีการตั้งพรรคใหม่

“ที่สำคัญพรรคนี้จะไม่เริ่มจากประเด็นว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหรือไม่ รวมถึงพรรคนี้ไม่ใช่ กปปส.อย่างแน่นอน”ศ.พิเศษ ดร.อเนกทิ้งท้ายให้คิด

ก้าวสำคัญของนายสุเทพ คือ การอ้าแขนรับ-สนับสนุน หากพรรค รปช.เป็นพรรคของประชาชนที่มีเจตจำนงในการปฏิรูปประเทศ และการขึ้นอยู่บนเวทีเปิดตัวพรรค รปช.ในวันที่ 3 มิถุนายน ที่มหาวิทยาลัยรังสิต

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาก่อนพรรค รปช.จะกลายร่าง-ขึ้นรูปพรรคมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ตึกทู แปซิฟิก ย่านสุขุมวิทเป็น “วอร์รูม” ประชุมกันหารือกันเรื่องคดีความของนายสุเทพ-อดีตแกนนำ กปปส. ทั้งทางแพ่ง-อาญา

ที่สำคัญ คือ วาระการตั้งพรรคการเมือง เพื่อต่อยอด-ต่อขาให้กับรัฐบาลทหาร-พล.อ.ประยุทธ์ โดยตั้งเป้าการได้ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี-ฐานทัพของนายสุเทพทั้งหมดและการหวังใช้กระแสของมวลมหาประชาชนที่ลึก ๆ แล้วอาจจะยังจุดติด

จังหวะก้าวของนายสุเทพเกิดขึ้นรวดเร็วเพียง 7 วัน จากพรรค กปปส. ที่เป็นเพียงวาระกับแกล้มทางการเมือง-ในวงสภากาแฟยามเช้ากลายร่างมาเป็นพรรค รปช.เพื่อสานต่อ “ดีลลับ-ภารกิจพิเศษ” ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้